การอุ้มกอดบอกรักไม่เคยสปอยล์ใคร
เคยไหมที่รู้สึกกลัวว่า เราจะกอดลูก โอ๋ลูก หรืออุ้มลูกมากเกินไป
ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ดี โกรธ ไม่พอใจ เสียใจ และหงุดหงิด เป็นต้น เหล่านี้คือธรรมชาติพื้นฐานของมนุษย์ที่ทุกคนพึงมี ซึ่งแต่ละคนนั้นเรียนรู้ที่จะจัดการกับอารมณ์ การแสดงออกได้แตกต่างกันขึ้นกับความสามารถของสมองส่วน ‘คิด’ ที่อยู่บริเวณสมองส่วนหน้าว่า "สามารถควบคุมสมองส่วนอารมณ์และสัญชาตญาณดิบ" ของมนุษย์ได้อย่างมีเหตุมีผลและมีประสิทธิภาพเพียงใด
..."ความสามารถเหล่านี้ถูกฝึกฝนได้ตั้งแต่เด็กเล็กและพัฒนาเต็มที่เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ตอนต้น นี่คือหนึ่งในความสามารถของสมองที่เรียกว่า “Executive Function” หรือ EF นั่นเอง"...
หากแรงกระตุ้นจากภายนอกทำให้เกิดการระเบิดของอารมณ์โดยไม่มีสมองส่วนหน้ามาเบรกสมองส่วนอารมณ์เลย ก็จะเกิด ‘ปัญหา’ ทางพฤติกรรมออกมาให้เราเห็นได้ตามวัยอย่าง “การร้องอาละวาด” หรือ Tempered Tantrums เป็นต้น แต่อย่างที่กล่าวมาแล้วว่า สมองของคนเราพัฒนาได้ผ่านประสบการณ์และการเลี้ยงดูที่ดีของครอบครัว พฤติกรรมปัญหาเหล่านี้จะค่อย ๆ ลดลงจนหายไปในที่สุดในทุกวันที่ลูกเติบโต
แล้วหากพ่อแม่ไม่ได้เลี้ยงดูอย่างเหมาะสมให้ลูกฝึกรับมือกับสิ่งกระตุ้นภายนอกในทางลบที่เหมาะสมล่ะก็ ลูกของเราก็จะค่อย ๆ กลายเป็น เด็กที่เอาแต่ใจตัวเอง เจ้าอารมณ์และพร้อมที่จะเอาตนเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาลที่เรามักเรียกด้วยคำทับศัพท์ว่า “เด็กสปอยล์” นั่นเอง แล้วลูกของเราเป็นเด็กสปอยล์หรือไม่ วันนี้ลองมาตรวจสอบกันดูครับ
สัญญาณที่ชัดเจนที่สุดก็คือ 'การร้องอาละวาดหลังวัยเตาะแตะ' โดยเฉพาะเมื่อยังมีอาการร้องอาละวาดอยู่หลังอายุ 3-4 ปีในกรณีที่ไม่มีโรคทางกายร่วมด้วย มันจะต้องมีอะไรผิดปกติแล้วครับ เพราะหากเลี้ยงดูและสอนลูกได้เหมาะสม เด็กควรเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ ความรู้สึกด้านลบได้แล้ว โดยสถานการณ์ที่พบบ่อยในชีวิตประจำวันที่อาจสงสัยว่าลูกอาจถูกสปอยล์นั่นก็คือ
พฤติกรรมที่ชัดเจนมาก ๆ เมื่อเกิดสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ไม่ได้ดั่งใจของเด็กที่ถูกสปอยล์ก็คือ ..."พวกเขาจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตัวเองต้องการไม่ว่าจะต้องใช้วิธีการอย่างไรก็ตาม"... ยกตัวอย่างเช่น การร้องอาละวาด ทำลายข้าวของ หูทวนลม ต่อรอง หรือแม้แต่เอาพฤติกรรมที่ไม่ดีมาเป็นตัวประกันอย่างการไม่ไปโรงเรียน การไม่ทำการบ้าน หรือยกเอาคำพูดที่ทำร้ายจิตใจพ่อแม่อย่าง “ไม่รักพ่อ/แม่แล้ว” หรือ “คำหยาบคาย” อะไรก็แล้วแต่เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
..."หากลูกเริ่มมีพฤติกรรมดังที่กล่าวไว้นี้ สัญญาณอันตรายเริ่มดังแล้วครับ"...
พฤติกรรมทั้งหลายที่ลูกเรียนรู้ว่า “ทำได้” แล้วพ่อแม่ก็ยอมให้เขาทำได้เหล่านี้ เราก็สามารถสอนให้ลูกเรียนรู้ว่าเขา “ทำไม่ได้” และพ่อแม่ก็ไม่ยอมให้เขาทำสิ่งเหล่านี้ได้เช่นกัน เพราะพฤติกรรมเป็นเรื่องของการเรียนรู้ และการเรียนรู้เปลี่ยนได้เสมอขึ้นอยู่กับว่าเราจะสอนให้เขารู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควรอย่างเอาจริงเอาจังเมื่อไรเท่านั้นเอง