การเติบโตในยุคดิจิทัล
ในปัจจุบัน “หน้าจอ” เข้ามามีบทบาทในชีวิตมาก และแทรกซึมเข้าสู่ทุกครอบครัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เรียกว่าเป็นคำถามฮอตฮิตที่ตอบบ่อยที่สุดตลอด 2 ปีที่ผ่านมา สำหรับคำถามจากเหล่าพ่อแม่สายเที่ยวทางไกลที่อยากพาเจ้าตัวเล็กลัดฟ้าไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ ในต่างแดน แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร บทความนี้ผมรวบรวมเอาข้อ (ต้อง) ควรรู้ สำหรับพ่อแม่มือใหม่หัดพาลูกบินมาฝาก
Q : เด็กเล็ก ๆ บินได้ไหม
☞ บินได้ ถ้าอายุครบ 14 วันบริบูรณ์ขึ้นไป เล็กกว่านั้นงดบิน ! นะครับ สำหรับทริปไหนที่ต้องบินไกล ๆ ผมแนะนำให้จองตั๋วให้ตรงกับเวลานอนของเจ้าตัวเล็ก เพื่อช่วยบรรเทาอาการงอแงระหว่างอยู่บนเครื่องได้ชั่วอึดใจหนึ่ง ฉะนั้น ก่อนขึ้นเครื่อง ชวนเล่นให้อ่อนเปลี้ยไปเลยก็ได้ครับ
Q : เอกสารสำคัญที่ต้องใช้
☞ กรณีที่เจ้าตัวเล็กมีอายุตั้งแต่ 14 วัน แต่ไม่ถึง 7 ปีบริบูรณ์ จะใช้เฉพาะใบสูติบัตรฉบับจริงหรือพาสปอร์ต แต่หากเจ้าตัวเล็กอายุตั้งแต่ 7 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่ถึง 15 ปีบริบูรณ์ จะใช้ใบสูติบัตรฉบับจริงและบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต
Tips ในกรณีที่เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี แต่เดินทางไปกับญาติพี่น้องที่มีนามสกุลแตกต่างกัน จำเป็นต้องมีเอกสารยอมรับที่ลงนามจากผู้ปกครอง และสำเนาใบสูติบัตร เพื่อรับรองว่าผู้โดยสายเด็กผู้นั้นได้รับอนุญาตให้เดินทางได้โดยปราศจากผู้ปกครองตามกฎหมาย
Q : เด็กเล็ก ๆ นั่งตักเสียตังค์ไหม
☞ เสียทุกกรณี! ถึงจะนั่งตักและฟรีค่าตั๋ว แต่ก็จะมีค่าธรรมเนียม เช่น สายการบินนกแอร์ จะเรียกว่า ‘ค่าธรรมเนียมนกอินแฟนต์’ (Nok Infant) 500 บาทต่อเที่ยวบิน โดยสงวนสิทธิ์เฉพาะเด็กทารก (อายุมากกว่า 14 วัน แต่ไม่ถึง 2 ปีบริบูรณ์) 1 คนนั่งโดยสารบนตักของผู้ใหญ่ 1 คนเท่านั้น
Q : จองตั๋วล่วงหน้า...ชนะเลิศ
☞ เรื่องนี้สำคัญนะครับ เพราะสายการบินส่วนใหญ่จะจำกัดจำนวนผู้โดยสารที่เป็นทารกในแต่ละเที่ยวบิน ยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่ทุกที่นั่งที่ทารกจะสามารถนั่งได้ การสำรองที่นั่งก่อน นอกจากจะสามารถเลือกที่นั่งสำหรับเจ้าตัวเล็ก (ซึ่งทางสายการบินกำหนดไว้) ได้แล้ว ยังเป็นลดความเสี่ยงทริปล่มได้ทางหนึ่ง เพราะหากวางแผนทุกอย่างไว้หมดแล้ว แต่ดันจองที่นั่งให้เจ้าตัวเล็กไม่ทัน คงโดนเพื่อนร่วมทางสวดยับแน่ ๆ
Tips พ่อ ๆ แม่ ๆ ควรเลือกที่นั่งที่ติดทางเดินและใกล้ห้องน้ำดีที่สุดครับ เพื่อสะดวกต่อการเปลี่ยนผ้าอ้อม และเวลาเจ้าตัวเล็กโยเย เราสามารถลุกขึ้น อุ้มเขาเดินได้ทันที โดยไม่ต้องรบกวนผู้โดยสารท่านอื่น
Q : อย่าเข็นจนเพลิน
☞ รถเข็นเด็กส่วนใหญ่ต้องโหลดเป็นสัมภาระใต้ท้องเครื่องเท่านั้น พ่อแม่พึงระวังอย่าเผลอเข็นลูกจนเพลิน ลืมโหลดเป็นสัมภาระใต้ท้องเครื่องนะครับ บางแห่งก็ยกเว้น "รถเข็นแบบพับได้" ให้สามารถพกพาขึ้นเครื่องได้ แต่นั่นหมายความรถเข็นนั้นต้องมีน้ำหนักไม่เกินตามสายการบินกำหนดด้วยนะครับ
ข้อควรรู้อีกอย่าง คือ เราสามารถใช้รถเข็นได้บริเวณใดบ้าง เพราะบางสายการบินให้ใช้ได้แค่สายพานลำเลียงกระเป๋า เป็นต้น แต่บางแห่งก็ให้ใช้ได้ถึงบันไดขั้นสุดท้ายทางขึ้นเครื่องได้เลย โดยเจ้าหน้าที่จะนำไปเก็บให้ และพอเครื่องลงเจ้าหน้าที่จะนำรถเข็นมาให้เราที่หน้าเครื่องอีกด้วย
วิธีที่ดีที่สุด คือ สอบถามเจ้าหน้าที่สายการบินก่อนจองตั๋วให้เข้าใจตรงกัน เพราะแต่ละสายการบินและสนามบินปลายทางแต่ละเที่ยวบินก็จะมีข้อกำหนดแตกต่างกันไป
Q : สิทธิพิเศษที่ไม่ควรพลาด
☞ นอกเหนือ Lunch Box สำหรับเด็กโต และของเล่นนานาชนิด อาทิ หนังสือระบายสี หนังสือนิทาน หรือแท็บเล็ตที่มีคลิปการ์ตูนหรือมีแอพลิเคชั่นสำหรับเด็ก ๆ แล้ว สิทธิพิเศษอย่างหนึ่งที่เราจะได้รับเมื่อมีเจ้าตัวเล็กร่วมทางไปด้วย คือ สามารถขึ้นลงเครื่องก่อนใคร ทั้งนี้ เพื่อให้พ่อ ๆ แม่ ๆ มีเวลาจัดเก็บสัมภาระพกพาและดูแลให้เด็กนั่งได้อย่างเรียบร้อยและพร้อมสำหรับการเดินทาง
นอกจากนี้ ยังมี "เปลเด็ก" สำหรับเด็กทารกที่อายุต่ำกว่า 6 เดือนและ ‘เตียงพับ’ สำหรับนอนบนเที่ยวบินสำหรับเด็กโตขึ้นอีกหน่อย แต่ทั้งหมดนี้ เราต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าเพราะสายการบินแต่ละแห่งจะมีบริการที่แตกต่างกันไป
❐ 1. อาหารสำหรับทารก เนื่องจากทางสายการบินไม่มีบริการนะครับ ฉะนั้นพ่อ ๆ แม่ ๆ ต้องเตรียมให้พร้อมและเพียงพอ ที่สำคัญบนเครื่องจะไม่มีเครื่องอุ่นนมไว้บริการ มีเพียงน้ำร้อนสำหรับชงนมเท่านั้น
Tips ไม่ควร ! ให้เจ้าตัวเล็กอิ่มเกินไประหว่างเดินทาง เพื่อป้องกันการอาเจียนระหว่างอยู่บนเครื่องบิน
❐ 2. ขวดน้ำ&จุกหลอก ช่วยลดอาหารปวดหู คลื่นไส้ และงอแง จากภาวะเครื่องบินเปลี่ยนระดับ ซึ่งจะมีเสียงดังและระดับความดันอากาศเปลี่ยน
❐ 3. ของเล่นชิ้นโปรด พลาดไม่ได้เลยครับ นี่คือเครื่องมือระงับอาการงอแงได้ชั่วครั้งชั่วคราวที่ดีกว่าไม่มีอะไรเลย
❐ 4. ผ้าคลุมให้นม สำหรับแม่ให้นมบุตรควรพกพาผ้าคลุมไปด้วย หรือจะปั้มนมใส่ขวดเตรียมไว้แทนก็สะดวกดีครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.nokair.com , www.airasia.com