การเติบโตในยุคดิจิทัล
ในปัจจุบัน “หน้าจอ” เข้ามามีบทบาทในชีวิตมาก และแทรกซึมเข้าสู่ทุกครอบครัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
วัยเด็กมักจะเป็นวัยที่สนิทกับคนอื่นได้ง่าย สามารถมีเพื่อนหรือทำความรู้จักกันได้เร็วกว่าวัยผู้ใหญ่มากนัก ผมชอบที่จะพาลูกไปที่สวนสาธารณะ ชนบทบ้าง หรือสถานที่ที่มีเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน เพื่อให้เขาได้รู้จักและเรียนรู้กันและกันให้มากที่สุด
ลูกในวัยที่กำลังต้องการการมีเพื่อนเล่น ถึงแม้จะไม่เคยพบเจอกันมาก่อนก็ตาม แต่กลับพูดคุยชวนกันเล่นสนุกได้อย่างสนิทสนม ไม่เว้นแม้แต่สัตว์เล็กสัตว์น้อย ลูกผมสามารถนั่งเล่นพูดคุยด้วยกันได้ทั้งวัน ราวกับว่าพบเพื่อนเก่าแก่ที่ไม่ได้เจอกันมานาน เขาชอบที่จะนั่งดูหอยทากค่อย ๆ เดินไปตามขอนไม้ พลันก็พูดคุยไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบกันเป็นเรื่องเป็นราว พลางก็แหงนหน้าขึ้นไปคุยกับลูกนกที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้บ้าง ชักชวนกันลงมากินข้าวชวนกันร้องเพลง ตามแต่จินตนาการของเขาจะคิดได้
ผมปล่อยให้ลูกได้เล่นอย่างอิสระเพื่อพัฒนาให้ลูกรู้จักคิด พลิกแพลงวิธีการเล่นต่าง ๆ ด้วยตัวเองในสภาพแวดล้อมที่ลูกได้เล่นอย่างอิสระนั้น เขาจะค้นพบกับสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่คาดคิด เช่น เราสามารถมีเพื่อนเป็นหอยทากก็ได้ ไม่ใช่เพียงแค่มนุษย์ เราสามารถร้องเพลงเคล้าคลอไปกับเสียงนกก็ได้ ไม่ใช่เฉพาะเสียงจากการ์ตูนในทีวี สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ทำให้ร่างกายหลั่งสารโดพามีนออกมา และทำให้สมองของลูกพัฒนาอย่างก้าวกระโดด การเล่นที่ได้สัมผัสกับธรรมชาติคือการเล่นที่เป็นอิสระที่สุด
คุณเค็นชิโร โมะงิ ได้กล่าวไว้ ธรรมชาติมีรูปแบบที่หลากหลาย บางครั้งอาจเจอเพื่อนใหม่เป็นแมลงที่เราไม่รู้จัก หรือไม่คาดคิดว่าจะได้เจอมาก่อน ลูกได้ตื่นเต้นไปกับสิ่งใหม่ ๆ เท่ากับได้สั่งสมประสบการณ์ที่ทำให้ร่างกายหลั่งโดพามีนนั่นเอง
ผมแอบอิจฉาลูกที่มีเพื่อนมากมายมากกว่าตัวผมเองเสียอีก เราเดินเล่นกันไปเรื่อย ๆ เจอปลาในแม่น้ำเขาก็ชี้แล้วบอกว่านี่เพื่อน พร้อมกับโยนขนมปังที่อยู่ในมือแบ่งให้ปลากิน เดินไปเจอกระรอกก็บอกอีกว่าเพื่อน แล้วก็หยิบถั่วที่อยู่ในตะกร้าให้กระรอกแทะ ความสุขของเด็กช่างเรียบง่ายเหลือเกิน
ครั้นบังเอิญไปเจอลิง ผมรีบชิงพูดก่อนเลยว่านี่ก็เพื่อนของลูกนะ ลูกยืนอึ้งอยู่สักครู่หนึ่ง เขาคงกำลังสงสัยทำไมถึงซนเหมือนกัน ระหว่างที่กำลังยืนจ้องมองลิงด้วยความสงสัยอยู่นั้น เจ้าลิงผู้เชี่ยวชาญการปีนป่ายได้กระโดดมาแย่งกล้วยในมือเขาไป เด็กน้อยไม่ทันตั้งตัวเลยตกใจร้องไห้ออกมา ผมต้องปลอบใจกันยกใหญ่ ได้แต่คิดว่าลูกคงจะไม่ชอบลิงแล้วแหละ เพราะเริ่มต้นทักทายกันแบบไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่
เวลาผ่านไปสักพักลูกเริ่มสงบลง เขาค่อย ๆ เดินเอากล้วยเข้าไปยื่นให้กับลิงทีละลูก ๆ จนหมด ผมได้แต่ยืนงง ทำไมสถานการณ์มันพลิกไปได้ ทำไมลูกไม่โกรธ เขาไม่กลัวแล้วหรือ นี่แหละที่ว่ากันว่า “ เด็กโกรธง่ายหายเร็ว ”
หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ ไม่เพียงแต่สอนเด็กเท่านั้นแต่กลับสอนคนเป็นพ่อด้วย บางอย่างผมก็ได้แต่เรียนรู้พร้อมกับลูก คุณพ่อคุณแม่ครับจูงมือลูกออกไปเรียนรู้ออกไปพบเพื่อนใหม่กัน ความสุขรอเราอยู่ข้างหน้า