272
สอนลูกให้โกรธเป็น และจัดการอารมณ์ตัวเองได้

สอนลูกให้โกรธเป็น และจัดการอารมณ์ตัวเองได้

โพสต์เมื่อวันที่ : July 11, 2023

 

ในฐานะผู้ใหญ่ เราเองคงเคยโกรธ เคยเกรี้ยวกราด เคยไม่พอใจไม่ได้ดั่งใจมาก่อน เราคงจดจำ ‘ความรู้สึก’ ที่ถาโถมเข้ามาครอบงำเราได้ ณ ขณะนั้น โดยผู้ใหญ่ที่มีสติพอก็จะสามารถจัดการกับความรู้สึกโกรธได้ (ดีพอสมควร) ที่จะไม่แสดงพฤติกรรมรุนแรงออกไป โดยเฉพาะความรุนแรงทางการกระทำและวาจาที่หยาบคาย

 

ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่ผู้ใหญ่ทุกคนจะมี ‘สติ’ มากพอที่จะควบคุมและจัดการกับอารมณ์โกรธได้อย่างเหมาะสม นับประสาอะไรกับเด็ก เพราะเด็กยังมี ‘สมองส่วนเหตุผล’ ที่อยู่ที่บริเวณสมองส่วนหนึ่งที่ตำแหน่ง Prefrontal Cortex ที่ยังพัฒนาได้ไม่ดีเลย เมื่อเทียบกับ ‘สมองส่วนอารมณ์’ ที่เป็นสัญชาติญาณของมนุษย์ทุกคนที่มีมาตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อเด็กเกิดความผิดหวัง ไม่ได้ดั่งใจ หรือมีเหตุการณ์ที่ไม่ดีมากระทบกับเขาอย่างฉับพลัน จงเข้าใจลูกด้วยว่าสมองเขาต้องเผชิญกับอะไรอยู่ 

 

ดังนั้นแทนที่จะพร่ำสอนให้เขา ‘เก็บกด’ อารมณ์โกรธลงไป อาจด้วยการใช้กำลัง/การทำโทษให้ลูกหยุดรู้สึก อาจด้วยคำพูดที่จงใจจู่โจมให้ลูกเชื่อมโยงว่า ”รู้สึกโกรธ” = “เด็กที่ไม่ดี” หรืออาจด้วยการเพิกเฉยต่อความรู้สึกของลูก ณ ขณะนั้นที่จะนำไปสู่การเก็บกด การดื้อเงียบ ความขัดแย้งในจิตใจ ความรู้สึกผิด ความรู้สึกว่าเขาเป็นคนไม่ดีพอ และความไม่มั่นคงทางจิตใจที่อาจตามมาในอนาคตได้

 

 

คุณพ่อคุณแม่ควรสอนเขาให้มี ‘สติ’ ให้มากพอและใช้ได้อย่างทันท่วงทีที่จะรู้เท่าทันอารมณ์ความรู้สึก และสามารถจัดการกับความโกรธนั้นได้อย่างเหมาะสม ไม่ต่างอะไรกับผู้ใหญ่อย่างเราที่ก็ควรมีสติมากพอและเร็วพอที่จะจัดการกับความโกรธได้อย่างเหมาะสม เริ่มต้นที่กฎพื้นฐาน 3 ข้อ นั่นก็คือ ไม่ทำร้ายตนเอง ไม่ทำร้ายคนอื่น และไม่ทำลายข้าวของ ถ้ามีให้หยุดการกระทำนั้นทันทีอย่างจริงจัง ไม่ให้ทำ ทำไม่ได้ 

 

ตามด้วยความเมตตาที่จะเข้าใจความรู้สึกของเขาว่าลูกกำลังรู้สึกโกรธอยู่ เงียบสงบอยู่ข้าง ๆ เขา เป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับลูก ให้โอกาสให้ลูกได้รู้สึกสิ่งที่เขารู้สึกอยู่ในตอนนั้น หาจังหวะที่จะเข้าไปสื่อสารและสะท้อนความรู้สึกของลูกให้ลูกได้เรียนรู้ว่า เขากำลังรู้สึกอะไรอยู่ด้วยคำพูดที่ง่าย ๆ อย่าง “หนูกำลังโกรธอยู่” “หนูกำลังรู้สึกไม่พอใจที่” “หนูโกรธได้ แต่หนูตีคนอื่นไม่ได้นะลูก” ยังไม่ต้องสั่งสอน หรือแก้ปัญหาใด ๆ ในขณะที่ลูกกำลังพุ่งพล่านไปด้วยอารมณ์ 

 

 

ยืนยันที่จะเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับลูก ไม่ใช่ตีซ้ำหรือซ้ำเติม ยืนยันความรักที่พ่อแม่ยังมีให้กับเขาในเวลาที่เขาทำตัวไม่น่ารัก มีอ้อมกอดที่อบอุ่นปลอดภัย มีมือที่คอยช่วยปาดน้ำตาให้ มีไหล่ให้พักอิง และมีเวลานั่งข้าง ๆ กันในวันที่ลูกรู้สึกไม่โอเค แล้วพอช่วงเวลาที่วุ่นวายนั้นผ่านไป เราค่อยไปนั่งคิดวิเคราะห์ป้องกันและแก้ไขกันต่อไปก็ได้ 

 

..."เพราะเด็กทุกคนต้องการพ่อแม่คอยสอนเขาเรื่องเหล่านี้ เขาจะเติบโตไปเป็นคนที่มีสติ และยับยั้งชั่งใจได้นั่นเอง"...