126
กรมควบคุมโรค ติดตามสถานการณ์ เด็กป่วยไข้หวัดใหญ่ 1.8 แสนคน !!

กรมควบคุมโรค ติดตามสถานการณ์ เด็กป่วยไข้หวัดใหญ่ 1.8 แสนคน !!

โพสต์เมื่อวันที่ : June 24, 2024

กรมควบคุมโรค ติดตามสถานการณ์กรณีเด็กป่วยไข้หวัดใหญ่มีอาการรุนแรง กำชับทีมสอบสวนโรค เร่งวิเคราะห์ผลอย่างละเอียด รู้ผลเชื้อภายใน 1 สัปดาห์

พร้อมชวน 7 กลุ่มเสี่ยง เข้ารับวัคซีนป้องกันลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนและเสียชีวิต

 

เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 67 ที่ผ่านมา นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงประเด็นที่มีการเผยแพร่ในโลกออนไลน์ กรณีพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่มีอาการรุนแรงว่า โรคไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดเชื้อไวรัสระบบทางเดินหายใจ ส่วนใหญ่ผู้ป่วยมีอาการไม่รุนแรง สามารถกินยาตามอาการและหายได้เอง แต่มีส่วนน้อยที่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนทำให้อาการรุนแรงและเสียชีวิต

 

สำหรับกรณีผู้ป่วยที่เป็นข่าว กรมควบคุมโรคไม่นิ่งนอนใจ ส่งทีมสอบสวนโรคสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 ราชบุรี ดำเนินการสอบสวนร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่วิเคราะห์ผลอย่างละเอียด คาดว่าจะทราบข้อมูลเชื้อภายใน 1 สัปดาห์

 

สำหรับสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในปัจจุบัน ข้อมูลจากการเฝ้าระวังโรคฯ ของกองระบาดวิทยา ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 20 มิ.ย.2567 มีรายงานผู้ป่วย 186,900 คน มีรายงานผู้เสียชีวิต 14 คน พบใน จ.นครราชสีมา 5 คน นครศรีธรรมราช 2 คน ชัยภูมิ สุราษฎร์ธานี กรุงเทพมหานคร สุโขทัย สมุทรปราการ ภูเก็ต และกาฬสินธุ์ จังหวัดละ 1 คน

 

ซึ่งจากข้อมูลการเฝ้าระวังสายพันธุ์เชื้อก่อโรคไข้หวัดใหญ่และโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจในประเทศไทยเฉพาะพื้นที่ (Sentinel Surveillance) ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.2564 - 16 มิ.ย.2567 โดยกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี และศูนย์ความร่วมมือไทย - สหรัฐ ด้านสาธารณสุข ในกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่จำนวน 2,284 คน พบว่าเป็นเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ชนิด A/H3N2 จำนวน 1,044 ราย (ร้อยละ 45.71) ชนิด B จำนวน 619 คน (ร้อยละ 27.10) ชนิด A/H1N1 (2009) จำนวน 594 คน (ร้อยละ 26.14) และชนิด A ไม่ระบุสายพันธุ์ จำนวน 24 คน (ร้อยละ 1.05)

 

นพ.ธงชัย กล่าวต่อว่า แม้โรคไข้หวัดใหญ่จะเป็นโรคประจำถิ่นที่มีมานานและพบผู้ป่วยได้ตลอดทั้งปี แต่ก็สามารถก่อให้เกิดอาการรุนแรง หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยบางรายได้ เช่น ภาวะปอดอักเสบ อาการหอบหืดกำเริบ สมองอักเสบ หรือการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน

 

 

ทั้งนี้ประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยงที่มักพบอาการแทรกซ้อนรุนแรง ได้แก่ เด็กเล็กอายุน้อยกว่า 2 ปี ผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคปอดเรื้อรัง หอบหืด โรคหัวใจ เป็นต้น ดังนั้น จึงขอเชิญชวนประชาชนโดยเฉพาะ 7 กลุ่มเสี่ยงเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ฟรี ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมไปจนถึงสิงหาคม 2567 (ปีละ 1 ครั้ง) เพื่อลดความรุนแรงของโรค ลดการเกิดภาวะแทรกซ้อน และความเสี่ยงในการเสียชีวิต ซึ่งช่วงฤดูฝนของทุกปีมักพบการแพร่ระบาดของโรคสูง

 

กรมควบคุมโรค ขอแนะนำให้ประชาชนปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่

โดยสามารถป้องกันได้ทั้งโรคโควิด19 เชื้อ RSV และโรคติดเชื้อระบบหายใจอื่น ๆ ซึ่งมีแนวโน้มการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ ดังนี้

 

  1. หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ รวมถึงเช็ดทำความสะอาดพื้นผิวและสิ่งของที่มีคนสัมผัสบ่อย ๆ เช่น ลูกบิดประตู ของเล่น
  2. ใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่สาธารณะหรือกิจกรรมที่มีคนรวมตัวกันมาก
  3. เมื่อไอ จาม ต้องใช้ผ้าหรือกระดาษทิชชูปิดปากและจมูกทุกครั้ง
  4. กลุ่มเสี่ยงที่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง คือ ผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค หญิงตั้งครรภ์ โรคอ้วน เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี ผู้พิการทางสมอง ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป โรคธาลัสซีเมีย และภูมิคุ้มกันบกพร่อง สามารถรับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อลดความรุนแรงของโรคและการเสียชีวิต
  5. โรงเรียนควรคัดกรองเด็กก่อนเข้าเรียนทุกเช้า หากพบมีอาการไข้ ไอ จาม ขอให้นักเรียนใส่หน้ากากอนามัย และให้ผู้ปกครองมารับกลับไปรักษาที่บ้าน
  6. ผู้ป่วยควรหยุดเรียน หยุดงาน พักรักษาตัวเป็นเวลา 3 - 7 วัน หรือจนกว่าจะหายเป็นปกติ และสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง และหากอาการไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์โดยเร็ว
  7. ไม่คลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ หรือถ้าจำเป็นควรปิดปาก ปิดจมูกด้วยหน้ากากอนามัย ไม่ใช้สิ่งของร่วมกัน ใช้ช้อนกลาง และหลีกเลี่ยงไปยังสถานที่ที่มีคนพลุกพล่านหรือแออัด

 

ที่มา : ThaiPBS

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง