โรคไอกรน คืออะไร ?
โรคไอกรน เกิดจากเชื้อแบคทีเรียทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุทางเดินหายใจ ไอรุนแรง ในเด็กเล็กอาจมี อาการไอเป็นชุด ๆ ทำให้หายใจ ไม่ทันจนเกิดภาวะขาดออกซิเจนอาจหยุดหายใจจนเสียชีวิตได้
ประโยชน์ของการฉีดวัคซีน
การฉีดวัคซีนเพื่อให้ร่างกายของหญิงตั้งครรภ์สร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคไอกรนุ แล้วส่งต่อภูมิคุ้มกันจากแม่ไปยั้งทารก เพื่อให้ทารกที่คลอดออกมามีภูมิคุ้มกัน
- ป้องกัน ทารกป่วยจากโรคได้ 93%
- ลดการป่วย รุนแรง/การนอนรพ.ได้ 90.5%
บุคคลที่ “ไม่ควร” ได้รับวัคซีน
- เคยมีปฏิกิริยารุนแรง หรือ ปัญหาอื่นที่รุนแรงจากวัคซีนนี้มาก่อน
- มีภาวะผิดปกติทางสมอง หรือชักซึ่งยังควบคุมไม่ได้
- มีไข้ ควรเลื่อนการรับวัคซีนออกไปก่อน
ข้อควรปฏิบัติ หลังรับวัคซีน
- พักสังเกตอาการ 30 นาทีหลังฉีดวัคซีน ณ สถานที่รับบริการและควรสังเกตอาการต่อที่บ้าน
- หากมีอาการข้างเคียงหลังจากได้รับวัคซีน ควรแจ้งแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ก่อนรับวัคซีนครั้งต่อไป
- หากปวด บวม บริเวณที่ฉีด ให้ประคบด้วยผ้าเย็นและหากมีไข้ให้รับประทานยาลดไข้
- หากรับวัคซีนแล้วมีอาการแพ้รุนแรง ควรรีบพบแพทย์
- ควรรับวัคซีนตามกำหนดและเก็บสมุดบันทึกการรับวัคซีนไว้ตลอดไป
- หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับวัคซีนควรปรึกษาแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
อาการข้างเคียง ที่อาจเกิดขึ้นหลังรับวัคซีน
- ปวดบวม แดง บริเวณที่ฉีด และอาจทำให้มีปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ เมื่อยล้าและปวดข้อ
- อาการแพ้รุนแรง ได้แก่ มีผื่นทั้งตัว หน้าบวมคอบวม หายใจลำบาก ใจสั่น วิงเวียนหรืออ่อนแรง
ฉีดวัคซีนอย่างไร ?
แนะนำให้วัคซีนไอกรน (aP) 1 เข็ม ทุกการตั้งครรภ์อายุครรภ์ที่แนะนำ 20 - 32 สัปดาห์
สามารถเข้ารับบริการได้อย่างไร ?
หญิงตั้งครรภ์สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนได้ที่สถานบริการสาธารณสุขของรัฐใกล้บ้าน
ที่มา : กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค