‘ธรรมชาติ’ ตำราเล่มใหญ่ ที่ไม่มีโรงเรียนไหนสอน

...“The old Lakota was wise. He knew that man's heart away from nature becomes hard; he knew that lack of respect for growing, living things soon led to lack of respect for humans, too.”...

คำกล่าวข้างต้นเป็นของ Luther Standing Bear หัวหน้าเผ่าอินเดียแดง Oglala Lakota ซึ่งโด่งดังมากในฐานะนักเขียน นักปรัชญา และนักแสดงแห่งศตวรรษที่ 20 เขาเคยกล่าวไว้ว่า ผู้เฒ่าผู้แก่ของลาโกต้ารู้ดีว่า เมื่อมนุษย์ออกห่างจากธรรมชาติ จิตใจก็เริ่มหยาบกระด้าง ขาดความเคารพต่อสรรพสิ่งที่มีชีวิตซึ่งกำลังเติบโต และในที่สุดก็จะนำไปสู่การขาดความเคารพต่อมนุษย์เช่นกัน

แนวคิดนี้ถูกตอกย้ำด้วยงานวิจัยหลาย ๆ ชิ้นในเวลาต่อมา ซึ่งสามารถหาอ่านได้เพียงค้นหาคำว่า “เด็ก+ธรรมชาติ” ใน www.google.com เราก็จะได้เห็นบทความและงานวิจัยจากผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ มากมายที่พอจะสรุปได้ว่า การให้เด็กได้สัมผัสธรรมชาติรอบตัวอย่างเหมาะสมนั้นเป็นสิ่งจำเป็น เพราะนอกเหนือจากความสุข สนุกที่เด็ก ๆ จะได้รับแล้ว ธรรมชาติยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาการหลาย ด้านของเด็ก ๆ ในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง...

❤︎ สุขภาพร่างกายจากการได้เคลื่อนไหวอย่างอิสระ

❤︎ สามารถควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมของตัวเอง

❤︎ มีภาวะอารมณ์ในเชิงบวกมากขึ้น

❤︎ สามารถปรับตัวกับสิ่งรอบข้างได้ดี

❤︎ เข้าใจ-รับรู้อารมณ์ของตัวเอง

❤︎ รู้จักเห็นอกเห็นผู้อื่น

ฯลฯ

ธรรมชาตินั้นเป็นสิ่งจำเป็นต่อมนุษย์ทุกคน ยิ่งอยู่ในวัยเรียนรู้อย่างเด็ก ๆ ด้วยแล้วล่ะก็ การเล่นหรือสัมผัสธรรมชาตินั้น ยังช่วยให้พวกเขาห่างไกลจากโรค อาทิ โรคเครียด โรคอ้วน โรคสมาธิสั้น ฯลฯ

ท่ามกลางระบบการศึกษาที่เต็มไปด้วยการแข่งขันอย่างหนักหน่วง แน่นอนว่าเวลาหลังเลิกเรียนของเด็ก ๆ แทนที่จะเป็นเวลาได้รีแลกซ์ ออกเที่ยว เล่น สำรวจ ทดลองสิ่งต่าง ๆ ที่หาไม่ได้จากห้องเรียน แต่เกือบทั้งหมดกลับถูกบดบังด้วยการบ้าน การเรียนเสริม เรียนพิเศษอย่างเลี่ยงไม่ได้ 

มาถึงบรรทัดนี้ ผมคิดว่าบางทีพวกเราในฐานะพ่อแม่ อาจจะต้องย้อนกลับมาถามตัวเองว่า เรากล้าพอไหม ? ที่จะลดเวลาเรียน เพิ่มเวลาเล่นให้กับลูกมากขึ้น เรากล้าพอไหม? ที่จะลดเวลางาน เพิ่มเวลาออกเดินไปกับลูก เล่นไปกับเขา ปีนต้นไม้ เล่นทราย สำรวจ ค้นหา และโอบกอดธรรมชาติ อย่างไม่เกรงกลัวต่อกระแสใด ๆ ที่กำลังคุกคามเด็ก ๆ อยู่

..."ก่อนอะไรจะสายเกินไป...ลองถามตัวเองดูสักครั้ง ?"...