1034
วัยรุ่นติดมือถือไม่ได้แย่เสมอไป !

วัยรุ่นติดมือถือไม่ได้แย่เสมอไป !

โพสต์เมื่อวันที่ : March 26, 2021

ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้ลูกติดโทรศัพท์มือถือ แต่ปัญหาที่หนักอกคนเป็นพ่อแม่ยุคนี้มากที่สุดก็คือลูกติดมือถือ

 

แค่มีคำว่า “ติด” หรือ “เสพติด” ก็ดูจะค่อนไปทาง Negative แล้ว ไม่ว่าจะมีคำตามมาว่า..ติดอะไรก็ตาม ก็ไม่ดีทั้งนั้น เพราะมันหมายความว่ามันเกินพอดี  

 

งานวิจัยหลายชิ้นที่สะท้อนให้เห็นว่าเด็กรุ่นใหม่ติดโทรศัพท์มือถืออย่างหนัก กลุ่มวัยรุ่นไทยมีความรู้สึกที่ดีต่อเทคโนโลยีในแง่ของความรู้สึกปลอดภัย มั่นใจ ได้เข้าสังคม และทันสมัย ทั้งยังพบว่า มือถือมีความสำคัญเป็นอันดับ 1 ในชีวิตของพวกเขา บางคนบอกว่าถ้าขาดมือถือจะมีอาการเหมือนคนติดยา !

ยุคก่อนคนเป็นพ่อแม่ที่มีลูกอยู่ในช่วงวัยรุ่นมักวิตกกังวลเรื่องลูกคุยโทรศัพท์ทั้งวัน ติดโทรศัพท์ ไม่เป็นอันทำอะไร แต่เดี๋ยวนี้ลูกไม่ค่อยได้คุยโทรศัพท์แล้ว แต่เปลี่ยนมาติดโทรศัพท์มือถือแทน หรืออาจจะมากกว่าเดิมด้วย เพราะใช้วิธีคุยผ่านโปรแกรม Chat และอื่น ๆ

 

ปัญหาเหล่านี้ทำให้คนเป็นพ่อแม่กังวลเรื่องผลเสียที่ตามมามากมาย ทั้งสุขภาพร่างกาย สุขภาพจิต รวมไปถึงทักษะชีวิตที่สำคัญหลายประการที่หายไป แต่สิ่งหนึ่งสำหรับคนเป็นพ่อแม่ผู้ปกครองยุคนี้ต้องยอมรับและทำความเข้าใจด้วยว่า เด็กยุคนี้เติบโตขึ้นมาในยุค Digital Native (พลเมืองดิจิทัล) เรื่องเทคโนโลยีได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเขาแล้ว 

 

 

พ่อแม่ ผู้ปกครองจะใช้สายตาแบบเดิมในการมองและมีวิธีการเลี้ยงดูแบบเดิมไม่ได้แล้ว ในเมื่อโลกเปลี่ยน วิธีคิดก็ต้องเปลี่ยนด้วย เพียงแต่ต้องมีข้อมูลความรู้เป็นพื้นฐานของการเลี้ยงดู 

 

ช่วงปฐมวัยพ่อแม่ไม่ควรหยิบยื่นมือถือให้ลูก เพราะเป็นช่วงที่สำคัญที่สุดของการเติบโตทางสมองของมนุษย์ ควรปูพื้นฐานทักษะชีวิตที่สำคัญผ่านช่วงเวลาทองของชีวิต ประวิงเวลาการให้เด็กช่วงปฐมวัยสัมผัสกับมือถือหรือสารพัดจอให้ได้นานที่สุด 

พอเข้าสู่ช่วงประถมศึกษาเมื่อลูกเริ่มใช้มือถือ พ่อแม่ควรวางกฎกติกาในการใช้อย่างเหมาะสม กำหนดช่วงเวลาและมอบหมายความรับผิดชอบควบคู่ไปกับการใช้มือถือ และเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น พ่อแม่ต้องทำใจว่าต้องปล่อยให้เขาได้ใช้มือถือในแบบของเขา ถ้ามีต้นทุนชีวิตเมื่อตอนเป็นเด็กเล็กมาดี เขาก็จะใช้มือถือแบบแยกแยะได้ ทั้งเพื่อความรู้และบันเทิง

 

ประเด็นส่วนใหญ่สำหรับเด็กติดมือถือเป็นเรื่องที่พ่อแม่มักกังวล เรื่องลูกติดเกม การพนัน ถูกชักจูงในทางที่ไม่ดี หรือมีผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย เพราะไม่ทำอย่างอื่น ส่งผลให้สายตาเสีย โรคอ้วน ฯลฯ รวมไปถึงสุขภาพจิตอื่น ๆ ตามมา 

 

 

ความจริงประเด็นเรื่องผลเสียมีมากมายและผู้คนส่วนใหญ่ก็รับรู้อยู่แล้ว รวมไปถึงตัวเด็กเองด้วย แต่ต่อให้พูดถึงผลเสียมากมายน่ากลัวขนาดไหน สุดท้ายพวกเขาก็ยังคงติดมือถือต่อไป เพราะต้องยอมรับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเขาเสียแล้ว ..."อย่าว่าแต่เด็กเลย แม้แต่ผู้ใหญ่เองก็ติดมือถือมิใช่หรือ !"... ฉะนั้น แทนที่เราจะไปเพ่งเฉพาะข้อเสีย ผู้ใหญ่ควรมองเสริมมุมที่ช่วยให้พวกเขาใช้ประโยชน์มุมที่เป็นประโยชน์และใช้มันอย่างเหมาะสมจะดีกว่า

 

ดิฉันเองมีลูกชาย 2 คนที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย และมีหลานที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนต้น และมีโอกาสพบเจอเด็กวัยรุ่นมากมาย ทุกคนล้วนแล้วแต่ติดมือถือ แต่ถ้าลองได้พูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนะกับพวกเขาเรื่องการใช้มือถือ ทุกคนล้วนต้องการได้รับความไว้วางใจจากพ่อแม่ในการใช้มือถือของเขา บางทีเราก็ต้องฟังเสียงของลูกวัยรุ่นด้วย อย่าเพิ่งตัดสินเขาจากมุมมองของพ่อแม่อย่างเดียว

เด็กวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยก็ทำการค้าเล็ก ๆ บนโลกออนไลน์ ซึ่งหลายคนก็ประสบความสำเร็จ สามารถหาเงินได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ส่วนบางคนก็กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยีและเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ บนโลกออนไลน์ จนนำไปสู่การสร้างอาชีพ หรือบางคนก็กลายเป็นมนุษย์ข้อมูล ชอบเปิดโลกการเรียนรู้ใหม่ ๆ ค้นหาข้อมูลข่าวสารที่ต้องการได้อย่างฉับไว 

 

ในขณะที่บางคนก็ฝึกภาษาผ่านการดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ได้หลายภาษาผ่านโลกออนไลน์ และอีกมายมาก ด้วยสายตาของผู้ใหญ่ที่เรามักจ้องมองเด็กด้วยอคติก่อนว่าลูกติดมือถือมันแย่มาก แล้วก็อาจจะต่อว่าดุด่า บ่น เพื่อหวังจะให้ลูกใช้มือถือให้น้อยลง 

 

ความจริงประเด็นสำคัญ คือ "ทัศนคติ" ของพ่อแม่ก็เป็นเรื่องสำคัญ อย่าตั้งต้นมองพฤติกรรมของลูกด้วยอคติ หรือมีวิธีคิดลบไว้ก่อน แต่พยายามปรับตัวเองให้มีทัศนคติที่ว่าลูกของเราเติบโตขึ้นมาในยุคของเขาซึ่งแตกต่างจากยุคของเรา ปลูกฝังให้เขาแยกแยะเป็น รู้เท่าทันมือถือ (Mobile Literacy) และเท่าทันเทคโนโลยี ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจะดีกว่า ที่สำคัญถึงจุดหนึ่งก็ต้องปล่อยให้เขาเรียนรู้โลกและชีวิตในแบบของเขาเองบนความไว้วางใจของพ่อแม่บ้าง

..."เพราะเด็กติดมือถือไม่ได้ “แย่” เสมอไป !"...