3927
ความภาคภูมิใจในตัวเอง

ความภาคภูมิใจในตัวเอง

โพสต์เมื่อวันที่ : May 22, 2022

‘ความภาคภูมิใจในตัวเอง’ เป็นหนึ่งในทักษะสำหรับศตวรรษที่ 21 ที่เด็กทุกคนควรมีอย่างมั่นคงแข็งแรงในจิตใจ ‘ความภาคภูมิใจในตัวเอง’ เป็นทักษะที่จำเป็นในการดำรงชีวิตในปัจจุบันและในอนาคตให้มีความสงบ ความสุขทางจิตใจของทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในวัยใด ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใด คนทั่วไป เพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง หรือแม้แต่ในฐานะพ่อแม่

 

เพราะเมื่อเรามีความภูมิใจในตนเองเพียงพอ เราจะไม่ต้องไปรอรับ "คำอนุญาต" จากคนอื่นให้เรามีความสุข หลายคนจะมีความสุขด้วยการพยายามที่จะแสดงให้คนอื่นเห็นว่า ฉันมีความสุข ฉันมีดี ฉันเก่งกาจ ฉันร่ำรวย ฉันสวยหล่อ ฉันมีและฉันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เพื่อให้คนอื่นมารับรองว่าตัวของเขานั้นมีความสุข ดี เก่ง สวยหล่อ โดยเฉพาะทางสื่อสังคมออนไลน์ ด้วยจำนวนยอดกด “ถูกใจ” ด้วยคำคอมเม้นต์ หรือด้วยอะไรก็แล้วแต่ทั้งทางตรงและทางอ้อมที่ย้อนกลับมาทำให้เขารู้สึกดี

หากแต่ความสุขที่ได้จากสิ่งชี้วัดภายนอกนั้นแสนเปราะบางและไม่จีรังยั่งยืน หลายครั้งเพียงแค่คำตำหนิติเตียนจากผู้อื่นเพียงไม่กี่คำ คอมเม้นต์แย่ ๆ เพียงไม่กี่ประโยค ยอดกด “ถูกใจ” ที่ไม่มากเท่าเดิม หรือถูกคนกด “โกรธ” หรือ “กดไม่ถูกใจ” เพียงไม่กี่ครั้งก็อาจนำมาซึ่งความทุกข์ ความเสียใจ และความไม่มั่นใจในตัวเองได้ด้วยระยะเวลาเพียงไม่กี่นาที ช่างเปราะบางเสียเหลือเกิน

 

 

เพราะความรู้สึกดีจากสิ่งชี้วัดภายนอก อย่างไรก็ไม่มั่นคงเท่ากับความรู้สึกดีต่อตัวเองภายในจิตใจของเราเองว่า “ฉันดีพอ ฉันมีความสุขดีในแบบของฉัน” นั่นแหละคือ “ความภูมิใจในตนเอง” ในสิ่งที่ตนเองเป็น และสิทธิที่จะมีความสุขนี้ควรผ่านการอนุญาตของคนเพียงคนเดียวเท่านั้น ก็คือ “ตัวของเราเอง” คนที่เราเห็นทุกครั้งในกระจกตอนเช้าหลังตื่นนอน 

..."อย่าให้ความสุขของเราไปขึ้นหรือยึดติดกับความเห็นของคนอื่น"...

..."อย่าให้ความภาคภูมิใจในตัวเองของคนอื่นกลายเป็น “ปมด้อย” ของเรา"...

“แม่ที่ดี” มิได้ตัดสินด้วยฝีมือการทำอาหาร หรือการจัดจานอาหารที่สวยงามประหนึ่งเชฟระดับมิชิลิน เพราะบางครั้งทำอาหารสวยหรืออร่อยแค่ไหน ถ้าลูกไม่กินก็จบแล้ว (บางทีคิดไปก็เศร้าใจเล็กน้อย) เอาที่เหมาะสมกับบริบทของครอบครัวและลูกมีความสุขในการกิน เติบโตได้ปกติ แข็งแรงก็เพียงพอแล้ว 

 

“บ้านที่มีความสุข” อาจไม่เท่ากับ บ้านที่สะอาดประหนึ่งบ้านตัวอย่าง (แม้เราจะอยากทำให้มันสะอาดขึ้นกว่าที่เป็นอยู่สักหน่อยก็ตาม) หากแต่เป็นบ้านที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยของกันและกัน ทุกข์บ้าง สุขบ้างตามปกติของชีวิตมนุษย์ บ้านที่เราได้กิน-นอน-เล่น-ใช้ชีวิตและเติบโตไปพร้อมกัน บ้านที่สานสายสัมพันธ์ของแต่ละคนไว้อย่างอบอุ่นและแน่นหนา บ้านที่มีพ่อแม่ที่มีอยู่จริงสำหรับลูก ก็เพียงพอแล้ว ลูกก็เช่นกัน 

 

 

การเลี้ยงลูกให้มีความภาคภูมิใจในตนเอง เป็นเรื่องที่เรียบง่ายที่เริ่มต้นมาจาก “การเลี้ยงลูกเชิงบวก” ชื่นชมและมองเห็นในสิ่งดี ๆ ที่ลูกทำ จับถูกมากกว่าจับผิด ให้โอกาสให้ลูกได้ลงมือทำ ได้เล่นอย่างเต็มที่ ได้ดูแลพื้นที่ในร่างกายของเขา พื้นที่รอบร่างกายของเขา พื้นที่ส่วนรวมของบ้าน ผ่านสิ่งที่เรียกว่า “กิจวัตร” “ความรับผิดชอบ” และ “งานบ้าน” โดยทำให้ทุกอย่างที่ลูกทำให้เกิดขึ้นด้วย “กรอบความคิดแบบเติบโต” (Growth Mindset) ที่ไม่ประเมินเห็น "ผลลัพธ์" เป็นเรื่องสำคัญที่สุด

 

แม้ว่าผลลัพธ์ที่ดีนั้นเป็นเรื่องดี เพียงแต่การมองเห็นคุณค่าของความพยายามและการลงมือทำเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า เพราะเราต่างรู้ดีว่าในการแข่งขัน “ที่หนึ่ง” มีเพียงที่เดียว แต่ในชีวิตจริง ที่สอง ที่สาม หรือที่สิบก็ดีหากอันดับที่ที่เขาได้มานั้นเขาได้ลองลงมือทำ และได้เรียนรู้จากการลงมือทำ เพราะความพยายาม การลงมือทำซ้ำ ๆ จะนำมาซึ่งทักษะ ความชำนาญ และความสำเร็จในอนาคตได้นั่นเอง 

เด็กที่เติบโตมาพร้อมความรักที่ไร้เงื่อนไข และครอบครัวที่มองเห็น “คุณค่า” ในตัวเขา เขาจะเติบโตขึ้นมาด้วยความรู้สึกว่า “ตัวเองมีค่าควรรักและชื่นชม” และหล่อหลอมให้เขาเป็นคนที่มีความภาคภูมิใจในตัวเอง

 

ความภูมิใจในตนเอง คือ ทักษะชีวิต ทักษะ คือสิ่งที่เรียนรู้และพัฒนาได้ จงสอนลูกให้รักตัวเองเป็น และอนุญาตให้ตัวเองมีความสุขได้เอง ไม่ต้องรอคำใคร