ข่าวประชาสัมพันธ์ : คิดคลับส์ ชวนเที่ยว Astro Night Family Camp
ชวนคู่พ่อลูก อายุ 6 - 12 ปี มาร่วมสร้างช่วงเวลาแห่งความประทับใจกับกิจกรรม Astro Night Family Camp
ปัญหาพ่อแม่ลูกทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติ เพราะการอยู่ร่วมกัน การกระทบกระทั่งกันย่อมเกิดขึ้นได้ ยิ่งมีช่องว่างระหว่างวัยก็ย่อมมีปัญหาเป็นธรรมดา แล้วไหนจะสถานการณ์ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่อยู่ใกล้ชิดกันมากขึ้น ก็อาจทำให้มีโอกาสกระทบกระทั่งกันมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง หากสามารถปรับปรุงแก้ไขร่วมกันได้ การทะเลาะกันครั้งหนึ่งก็เท่ากับเป็นการเรียนรู้จักอารมณ์ของกันและกันดีขึ้นมิใช่หรือ !
ในเมื่อเราอาจไม่สามารถหลีกเลี่ยงการทะเลาะกันได้ ก็ต้องถือโอกาสแปรเปลี่ยนการทะเลาะให้เป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างกัน ทำให้การทะเลาะกันเป็นแบบสร้างสรรค์ที่ช่วยให้ความสัมพันธ์กระชับแน่นแฟ้นขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าลูกอยู่ในช่วงวัยรุ่น มีโอกาสและสุ่มเสี่ยงในการทะเลาะเบาะแว้งระหว่างกันได้ง่าย บางครอบครัวทะเลาะกันแทบทุกวัน จนกลายเป็นปัญหาภายในครอบครัว และหัวข้อในการทะเลาะส่วนใหญ่มักจะมีเรื่องเพื่อนเข้ามาเกี่ยวข้อง ยิ่งมีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็ยิ่งสร้างปัญหามากขึ้น เพราะลูกติดโทรศัพท์ ติดคอมพิวเตอร์ ต้องคุยกับเพื่อน และอาจนำไปสู่การไม่รับฟังพ่อแม่และการโกหก รวมถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอีกมากมาย พ่อแม่ที่มีลูกเข้าสู่วัยรุ่น คงจะเข้าใจดี และคงต้องเคยผ่านอารมณ์ทะเลาะกับลูกกันมาบ้างไม่มากก็น้อย
การทะเลาะกันภายในครอบครัวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เรื่องจะบานปลายและกลายเป็นเรื่องใหญ่โตก็เพราะอารมณ์ที่ปะทุคุกรุ่นในช่วงเวลานั้น ๆ และนำไปสู่การบานปลาย ยิ่งกรณีของเด็กวัยรุ่นก็อาจจะมากหน่อย เพราะเป็นเรื่องของช่วงวัยด้วย
ประเด็นคือเมื่อคนเราขาดสติ ขาดความยับยั้งชั่งใจ ก็จะขาดการคิดวิเคราะห์ ไตร่ตรอง อาจทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ในทันที แม้ว่าจะเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ แต่วูบนั้นอาจนำพาให้ความสัมพันธ์ของเราพังได้เช่นกัน
นอกจากการพยายามหาทางควบคุมสติไม่ให้การทะเลาะระหว่างกันบานปลาย พ่อแม่อาจจะลองหยุดคิดและพยายามหาข้อดีของการทะเลาะกันเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาก็น่าจะดีไม่น้อย
ข้อดีของการทะเลาะ
❤︎ 1. เติบโตทางความคิด ❤︎
การทะเลาะกันในแต่ละครั้งจะมีประโยชน์ต่อการพัฒนาความสัมพันธ์มาก ๆ เมื่อเราทะเลาะกันแบบสร้างสรรค์และอยู่บนเหตุผลมากกว่าอารมณ์ซึ่งนั่นคือสัญญาณเริ่มต้นของการเติบโตทางด้านความคิด จะช่วยให้พ่อแม่ลูกเผชิญหน้ากับข้อขัดแย้ง และพยายามใช้ความคิดหาทางแก้ไขปัญหามากกว่าการหลีกหนีปัญหา
❤︎ 2. เข้าใจกันมากขึ้น ❤︎
ทุกการขัดแย้งที่มีสติคือจุดเริ่มต้นที่ดีในการทำความเข้าใจกันและกันมากขึ้น การปลดปล่อยความคิดและตัวตนของตนเองให้อีกคนได้รับรู้เพื่อการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีไม่ว่าจะเป็นด้านการยอมรับ การเข้าใจ หรือแม้กระทั่งเห็นอกเห็นใจกัน
❤︎ 3. สื่อสารกันดีขึ้น ❤︎
หลังจากข้อขัดแย้งที่เกิดขึ้นพ้นผ่านไปด้วยดี ถ้าได้มีการสื่อสารระหว่างกันด้วยสถานการณ์ที่อารมณ์เข้าสู่ภาวะปกติ จะทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น เพราะต่างฝ่ายจะพยายามทำความเข้าใจกันมากขึ้นอีกด้วย ดังนั้นการสื่อสารและเปิดใจรับฟังความคิดของอีกฝ่ายจึงเป็นสิ่งสำคัญ
❤︎ 4. ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมากขึ้น ❤︎
การทะเลาะกันแต่ละครั้งจะทำให้เกิดความระมัดระวัง และใส่ใจกันและกันมากขึ้น บางประเด็นที่ไม่พอใจก็อาจเลือกที่จะปิดหูปิดตาบ้าง เป็นการสร้างการเรียนรู้ระหว่างกัน ซึ่งหมายถึงความใส่ใจที่จะเข้าใจอีกฝ่ายมากขึ้นด้วย สิ่งที่ตามมาคือสัมพันธภาพที่แน่นแฟ้นขึ้น
❤︎ 5. พยายามหาทางแก้ไขปัญหา ❤︎
เมื่อเราปรับความคิดและมองการทะเลาะหรือขัดแย้งในเชิงสร้างสรรค์ เปิดรับฟังความคิดเห็นของอีกฝ่ายอย่างมีสติด้วยเหตุผลมากกว่าอารมณ์แล้ว นั่นคือจุดที่นำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดและสร้างสรรค์ในรูปแบบต่าง ๆ
การรักษาความรักและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันให้ยืนยาว บางทีเราก็ควรทำความรู้จักว่าความขัดแย้งแบบสร้างสรรค์ก็คือการรักษาความสัมพันธ์กันให้แน่นแฟ้นขึ้น การปลดปล่อยอารมณ์ของตนเองให้อีกฝ่ายได้รับรู้บ้างก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ดีกว่าการเก็บกักมันไว้ ก็จะทำให้ความสัมพันธ์ส่งผลในระยะยาวต่อความรักที่ดีอีกด้วยเช่นกัน
เอาเป็นว่าการทะเลาะกันอย่างมีสติเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ได้ดีทีเดียว แต่ถ้าไม่มีเหตุให้ต้องทะเลาะ ก็อย่าไปแค่นให้มีการทะเลาะนะ ทางที่ดีลดการทะเลาะกันให้มากที่สุดถึงจะเรียกว่าดีที่สุด