1727
7 พฤติกรรมพ่อแม่ที่ลูกวัยรุ่นไม่ชอบ

7 พฤติกรรมพ่อแม่ที่ลูกวัยรุ่นไม่ชอบ

โพสต์เมื่อวันที่ : May 21, 2022

ปัญหาใหญ่ของพ่อแม่และลูกช่วงวัยรุ่นยุคนี้คือเรื่อง "การสื่อสาร" โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสื่อสารด้านการมีปฏิสัมพันธ์ในครอบครัว หรือการพูดคุยในครอบครัว ที่มีอันต้องลดน้อยลงจากหลายสาเหตุ ทั้งเรื่องเวลา และสภาพครอบครัวที่นับวันยิ่งเปราะบาง หนำซ้ำยังประสบปัญหาเรื่องเทคโนโลยีที่อยู่รายล้อมรอบตัว ยิ่งทำให้เด็กยุคนี้เติบโตขึ้นมาแบบสังคมก้มหน้า

 

 ดังนั้นการสื่อสารจึงมีส่วนสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันชีวิตและสมดุลของครอบครัว สิ่งสำคัญสุดในการสื่อสารกับลูกวัยรุ่นคือ ท่าทีของพ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องเปลี่ยนแปลงไป จากความเป็นพ่อแม่ไปสู่ความเป็นเพื่อน เพราะวัยรุ่นจะรู้สึกว่าการแสดงออกของพ่อแม่ที่ให้ลูกรู้สึกว่าพ่อแม่รักเขาแตกต่างจากช่วงวัยเด็กเล็กที่พ่อแม่มักเป็นผู้พูด 

 

ในขณะที่ลูกช่วงวัยรุ่น บทบาทของพ่อแม่ต้องปรับเปลี่ยนจากผู้พูดมาเป็นผู้ฟัง โดยเฉพาะกับลูกวัยรุ่นที่ต้องการให้คนเข้าใจและยอมรับฟังความคิด ความรู้สึก ของพวกเขาบ้าง คนเป็นพ่อแม่ควรรู้และเข้าใจพัฒนาการของวัยรุ่นด้วย 

 

 

แล้วบทบาทของพ่อแม่ควรทำอย่างไรเพื่อนำไปสู่สัมพันธภาพที่ดีระหว่างกัน และพฤติกรรมใดของพ่อแม่ที่ลูกไม่ชอบ และอยากให้ลดลง ลองมาสำรวจกันดูค่ะ 

 

❤︎ 1. ชอบบ่น ไม่มีใครที่ชอบพฤติกรรมนี้ แม้แต่เป็นผู้ใหญ่ยังไม่ชอบเลย ลูกของเราก็ย่อมไม่ชอบด้วยเช่นกัน ฟังแล้วอาจจะยากสำหรับคนเป็นพ่อแม่ เพราะดูเหมือนจะเป็นพฤติกรรมที่พ่อแม่มักชอบพูดซ้ำ ๆ ทำมาตั้งแต่ลูกอยู่ในช่วงวัยเด็กเล็ก และอาจติดตัวมาจนถึงตอนลูกเข้าสู่วัยรุ่น เอาเป็นว่าตั้งใจบ่นให้น้อยลงละกัน

❤︎ 2. ช่างตำหนิ ถ้าคุณเป็นพ่อแม่ประเภทช่างตำหนิไปเสียทุกเรื่อง เห็นทีจะต้องปรับลดดีกรีลงให้ได้ เพราะพฤติกรรมเช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อใครเลย มีแต่จะทำให้ครอบครัวแตกร้าว บรรยากาศก็เสีย ยิ่งถ้าขาดสติก็อาจนำไปสู่พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม จริงอยู่ว่าบางพฤติกรรมของลูกก็อาจน่าโมโห แต่ลองพยายามปรับเปลี่ยนวิธีแทนที่จะดุด่าว่ากล่าว เปลี่ยนมาเป็นชวนพูดคุยแบบเปิดอกกันดีกว่า

 

❤︎ 3. อารมณ์ไม่คงที่ อารมณ์ไม่คงที่เป็นประเภทที่เวลาอารมณ์ดีก็ดีใจหาย เวลาอารมณ์เสียก็เหวี่ยงสุดฤทธิ์ ประมาณว่าลูกทำสิ่งใดไม่ถูกใจ ก็อารมณ์เสียใส่ลูกทันที หรือเวลาอารมณ์ดี ลูกอยากได้อะไรก็ให้หมด ซึ่งบางทีก็ไม่สมเหตุสมผล ถ้ามีพฤติกรรมอย่างนี้สร้างความสับสนให้กับลูกแน่ เพราะเขาไม่รู้จะทำตัวอย่างไรเวลาอยู่กับพ่อแม่ 

 

 

❤︎ 4. คาดหวังทุกเรื่อง พ่อแม่จำนวนมากที่มักคาดหวังกับลูก ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ กลายเป็นเสมือนการกดดันลูกที่ต้องทำตามที่พ่อแม่คาดหวังไว้ ซึ่งอาจไม่ใช่สิ่งที่ลูกต้องการ และเมื่อไม่เป็นไปตามความคาดหวัง ก็ตามมาด้วยความผิดหวัง ความเสียใจ ซึ่งก็ไปเพิ่มความกดดันให้กับลูกขึ้นไปอีก สุดท้ายทุกคนก็เครียดกันไปหมด อย่าลืมว่าทุกคนต้องมีชีวิตของตัวเอง ให้ลูกได้เรียนรู้จักตัวเอง เลือกหนทางชีวิตของตัวเอง 

 

❤︎ 5. ขี้ระแวง พ่อแม่ขี้ระแวงทั้งหลายมักไม่ไว้ใจลูก ไม่คิดว่าลูกจะทำได้ กังวล วิตก ไปเสียทุกเรื่อง ลูกเติบโตขึ้นทุกวัน พ่อแม่ต้องแสดงให้ลูกเห็นว่าพ่อแม่ไว้ใจลูกเสมอ เปิดโอกาสให้เขาได้ทำอะไรด้วยตัวเอง อย่าเล็งผลเลิศว่าต้องสำเร็จทุกเรื่อง แต่สิ่งสำคัญคือให้เขาได้ลงมือทำ ให้เขาได้รับรู้ว่าพ่อแม่ไว้วางใจเขาเสมอ จะทำให้ลูกเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง 

❤︎ 6. คิดแทนลูก ถ้าคุณเป็นพ่อแม่ประเภทที่ต้องจัดการทุกสิ่งอย่างให้ลูก หรือต้องคิดแทนลูกด้วยล่ะก็ เหนื่อยใจแทนลูกค่ะ แม้คุณจะบอกว่าที่บอกให้ทำเพราะรัก แต่ถ้าเป็นการบังคับจิตใจย่อมไม่เกิดผลดีแน่ จริงอยู่ลูกอาจจะทำตามพ่อแม่ เพราะรักพ่อแม่ เขาทำสิ่งนั้นเพราะพ่อแม่บอกให้เขาทำ แต่เขาไม่ได้ทำเพราะรัก สุดท้ายก็อาจเกิดปัญหาอยู่ดี 

 

❤︎ 7. ติดมือถือ ต้องยอมรับว่าพ่อแม่ยุคนี้ติดสมาร์ทโฟน อย่าลืมว่าในเมื่อเราก็ไม่อยากให้ลูกมีพฤติกรรมติดสมาร์ทโฟนหรือติดเกม พ่อแม่ก็ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีด้วย ควรมีกฎกติกาการอยู่ร่วมกันในครอบครัวแบบมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน มิใช่อยู่ด้วยกันแต่ต่างคนต่างอยู่กับสมาร์ทโฟนของใครของมัน และเมื่อต่างคนต่างติดสมาร์ทโฟน ก็เสมือนต่างคนต่างอยู่ เวลาเกิดปัญหาอะไรก็ขาดการสื่อสารกันจนกลายมาเป็นปัญหาในภายหลังได้ 

 

ลดพฤติกรรม 8 อย่างนี้ลงให้ได้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์ในครอบครัวที่ดีขึ้นแน่นอน