การเติบโตในยุคดิจิทัล
ในปัจจุบัน “หน้าจอ” เข้ามามีบทบาทในชีวิตมาก และแทรกซึมเข้าสู่ทุกครอบครัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
พ่อแม่จำนวนมากทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพียงเพราะต้องการได้เงินมาก ๆ และมักจบท้ายด้วยประโยคซ้ำ ๆ ว่าทำทุกอย่างเพื่อลูก รักลูก อยากให้ลูกอยู่สุขสบาย ฯลฯ
แต่ยามที่ลูกทำอะไรผิดพลาดหรือมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม สิ่งที่ตามมาก็คือคำตำหนิจากพ่อแม่ประมาณว่า อุตสาห์ทำมาหากินเพื่อลูก เหนื่อยสายตัวแทบขาดทำไมลูกถึงทำตัวแบบนี้ แล้วก็ซ้ำเติมด้วยคำว่าผิดหวังในตัวลูกมาก โดยหารู้ไม่ว่ายิ่งเป็นการซ้ำเติมภาวะจิตใจที่แย่อยู่แล้วให้หนักเข้าไปอีก
จริง ๆ แล้ว ลูกทุกคนล้วนต้องการความรักจากพ่อแม่ เพียงแต่ความรักของพ่อแม่ก็แตกต่างกันไป ทั้งวิธีการเลี้ยงดู พฤติกรรมเฉพาะตัวของพ่อแม่ และแนวทางการเลี้ยงดูลูกของแต่ละครอบครัว
สิ่งที่ลูกต้องการจากพ่อแม่ที่นอกเหนือจากความรัก ก็คือสัมพันธภาพที่ดีระหว่างกัน ที่ลูกปรารถนาจากพ่อแม่ โดยเฉพาะลูกวัยรุ่น และอะไรที่ทำให้สัมพันธภาพระหว่างครอบครัวดี ?
❤︎ 1. เวลาคุณภาพ ❤︎
การให้เวลาแก่ลูกเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้พ่อแม่ลูกใกล้ชิดและเข้าถึงชีวิตของกันและกัน พ่อแม่อาจจะคิดว่าเวลาเป็นเงินเป็นทองต้องทำมาหากิน แต่ทัศนะของลูกจำนวนไม่น้อยที่ต้องการเวลาจากพ่อแม่และต้องเป็นเวลาคุณภาพด้วย ยิ่งสภาพสังคมปัจจุบันที่ถึงแม้มีเวลาอยู่ด้วยกันก็จริง แต่ต่างคนต่างอยู่ พ่อก็มีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง แม่ก็ก้มหน้าก้มตาดูแลบ้านไป ลูกก็อยู่ในส่วนของลูกไป ไม่ได้มีการสื่อสารพูดคุยหรือทำกิจกรรมร่วมกันเลย สุดท้ายเด็กก็ซึมซับรับความรู้สึกเหล่านั้น แล้วในที่สุดเขาก็รู้สึกว่าเขา “ขาด” อยู่ดี
❤︎ 2. รับฟังอย่างตั้งใจ ❤︎
เมื่อมีเวลาคุณภาพแล้ว ก็ต้องพร้อมที่จะรับฟังลูกด้วยความตั้งใจ ถึงจะทำให้ลูกเกิดความมั่นใจว่าพ่อแม่รักเขาและพร้อมที่จะรับฟังเขาทุกเรื่อง ซึ่งจะนำไปสู่ความเข้าใจในตัวลูก และสิ่งเหล่านี้ก็จะติดเป็นนิสัย เมื่อเขาเติบโตขึ้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็จะคิดถึงพ่อแม่ และรับรู้ได้ว่าพ่อแม่คือคนที่จะรับฟังเขาอย่างเข้าใจ และพร้อมที่จะให้เวลาคุณภาพกับเขาทุกเมื่อ
เมื่อรับฟังแล้วมีบางเรื่องที่อาจไม่เห็นด้วยหรือไม่เหมาะสมก็อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุปหรือต่อว่าลูกทันที แต่ควรจะมีท่าทีที่เป็นมิตร อาจใช้วิธีแลกเปลี่ยน สอบถาม หรือยกตัวอย่างว่าถ้าทำอย่างนี้ แล้วจะเป็นอย่างไร พ่อแม่เป็นห่วงเรื่องอะไร เป็นลักษณะของการแลกเปลี่ยน โดยใช้น้ำเสียงที่น่าฟัง เพราะวัยรุ่นยังต้องการคำพูดที่อ่อนโยนในการชี้แนะ
❤︎ 3. มีเหตุผล ❤︎
พ่อแม่บางคนมักจะใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง จึงทำให้บางครั้งหากเกิดอะไรที่ไม่ได้ดั่งใจขึ้นมา ก็จะใช้อารมณ์เพื่อให้ลูกปฏิบัติตามคำสั่ง โดยไม่สนใจความรู้สึกของลูก หากทำเช่นนี้บ่อย ๆ จะทำให้เขารู้สึกไม่มีความสุข และรู้สึกกลัวจนกลายเป็นไม่มีความเชื่อมั่นในตนเอง
แม้ด้วยช่วงวัยฮอร์โมนที่ลูกอาจใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลไปบ้าง ลูกก็อยากได้พ่อแม่ที่มีเหตุผล อยากให้ฟังเขาพูด และเข้าใจถึงสิ่งที่เขาคิดหรือทำในสิ่งนั้นๆ ด้วย
❤︎ 4. บ้านคือความสุข ❤︎
ไม่ว่าใครก็อยากได้ความสุขกันทั้งนั้น ยิ่งเป็นเด็ก ๆ เขาก็ยิ่งอยากที่จะได้สิ่งนี้กับพ่อแม่เสมอ เพราะฉะนั้นพ่อแม่ก็ควรสร้างบรรยากาศในบ้านให้มีความสุขด้วย เมื่อบรรยากาศที่บ้านมีความอบอุ่น ลูกก็จะรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจ
❤︎ 5. ไว้วางใจ ❤︎
ความไว้วางใจของพ่อแม่จะเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้ลูกเกิดความมั่นใจในตัวเอง และรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า ยิ่งเมื่อได้รับมอบหมายบางสิ่งบางอย่างจากพ่อแม่ซึ่งเชื่อมั่นว่าเขาจะทำได้ตามที่รับปาก ก็จะยิ่งทำให้เขามีความมั่นใจและพร้อมที่จะเผชิญโลกต่อไปในอนาคต
❤︎ 6. อย่าคิดว่าเขาเป็นเด็ก ❤︎
อย่าปฏิบัติกับลูกวัยรุ่นประหนึ่งว่าเขายังเป็นลูกเล็ก ๆ เขาต้องการให้พ่อแม่มองเขาเป็นผู้ใหญ่ เพราะเขาโตพอที่จะตัดสินใจหรือทำสิ่งใด ๆ แบบที่ผู้ใหญ่ทำแล้ว การห้ามหรือบอกลูกว่าไม่ควรทำ ลูกทำไม่ได้ ยิ่งจะทำให้ลูกเกิดความท้าทาย และอยากทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งที่พ่อแม่พูด
❤︎ 7. เป็นเพื่อนได้ ❤︎
พ่อแม่ควรทำตัวเป็นเพื่อนกับลูกได้ด้วย แม้ลูกวัยรุ่นอาจจะประหยัดคำพูดหรืออาจจะไม่ได้เล่ารายละเอียดทั้งหมด พ่อแม่ก็อย่าเซ้าซี้ หรือคิดว่าลูกเปลี่ยนไป แต่พ่อแม่ต้องพยายามทำความเข้าใจ ฟังเท่าที่เขาอยากจะเล่า ทำหน้าที่เป็นเพื่อนในบางเวลา รอเมื่อเขาพร้อมก็จะเล่าให้คุณฟังเองก็ได้
สิ่งสำคัญที่สุดที่ลูกต้องการนอกจากความรักแล้ว เขาต้องการการยอมรับจากพ่อแม่ด้วย บางคนอาจเลือกเส้นทางชีวิตที่ขัดใจพ่อแม่ ทำสิ่งที่พ่อแม่ไม่ชอบใจ เป็นเรื่องที่ควรทำความเข้าใจ ยอมรับและพูดคุยกับลูก ใช้ความรัก ความเข้าใจและการสื่อสารทางบวก เพื่อทำให้สัมพันธภาพระหว่างกันเป็นไปด้วยดี ที่สำคัญพ่อแม่ต้องปรับทัศนคติก่อนว่า ชีวิตเป็นของลูก ควรปล่อยให้ลูกได้เผชิญชีวิต และลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง