การเติบโตในยุคดิจิทัล
ในปัจจุบัน “หน้าจอ” เข้ามามีบทบาทในชีวิตมาก และแทรกซึมเข้าสู่ทุกครอบครัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ไม่น่าเชื่อว่าบ้านเราวนเวียนอยู่กับเรื่อง “ทรงผม” ของเด็กมายาวนาน จำได้ว่าเมื่อครั้งที่เคยเป็นวัยรุ่นเรียนอยู่โรงเรียนสตรีล้วนที่เข้มข้นเรื่องระเบียบการแต่งกายและทรงผม ต้องไว้ทรงผมนักเรียนบ๊อบตรงความยาวประมาณติ่งหู ห้ามซอยผม ห้ามไว้ผมหน้าม้า และต้องติดกิ๊บสีดำเท่านั้นสีอื่นไม่ได้ ประมาณว่าต้องเก็บผมด้านหน้าให้หมดทุกเส้นเพื่อให้เห็นหน้าผาก
แน่นอนมันช่างเป็นทรงที่ทรมานใจวัยรักสวยรักงามเสียจริงเชียว และถ้าเด็กนักเรียนคนไหนทำผิดกฎระเบียบเมื่อไหร่ก็จะถูกทำโทษ และกลายเป็นไม้เบื่อไม้เมากับครูฝ่ายปกครองทันที
ใครผ่านชีวิตวัยรุ่นในระดับมัธยมศึกษา คงได้เคยลิ้มลองเรื่องระเบียบวินัยทรงผมกันมาแล้วทั้งนั้น แต่ใครจะไปคิดว่าวันเวลาผ่านไปกว่า 30 ปี วันที่ลูกชายของดิฉันก็เติบโตอยู่ในช่วงวัยรุ่น กลับต้องเจอสภาพปัญหาเดียวกับวัยรุ่นยุคแม่ ที่ต้องไว้ผมทรงระเบียบเคร่งครัด และทรมานใจยิ่งนัก
เรื่องทรงผมนักเรียนมี “ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ. ๒๕๖๓” ที่มีความพยายามผ่อนคลายบ้างแล้ว ใจความโดยสรุปก็คือ กระทรวงศึกษาธิการออกระเบียบว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียนมาบังคับใช้ โดยเปิดให้นักเรียนทั้งชายและหญิงมีอิสระในการเลือกทรงผมมากขึ้น แม้จะยังมีข้อจำกัดบางอย่างอยู่ โดยนักเรียนชายจะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ กรณีไว้ผมยาวด้านข้าง ด้านหลังต้องยาวไม่เลยตีนผม ด้านหน้าและกลางศีรษะให้เป็นไปตามความเหมาะสมและมีความเรียบร้อย ส่วนนักเรียนหญิงจะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ กรณีไว้ผมยาวให้เป็นไปตามความเหมาะสมและรวบให้เรียบร้อย
และถึงแม้กฎระเบียบใหม่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าเด็กนักเรียนจำนวนหนึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงวัยรุ่นกับคุณครูก็ยังคงมีปัญหากันมาโดยตลอด ดีว่าช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เด็กไม่ได้ไปโรงเรียน จึงทำให้เด็กจำนวนไม่น้อยได้ไว้ผมยาว หรือทรงที่ตัวเองอยากลองทำได้บ้าง
เรื่องทรงผมนักเรียนยังคงเป็นประเด็นที่ถกกันต่อในสังคม ถึงความเหมาะสมต่าง ๆ นานา ว่าการที่เด็กนักเรียนต้องตัดผมตามกฎระเบียบของโรงเรียนเท่านั้น ถ้าไม่ทำตามก็ต้องถูกลงโทษ จนกลายมาเป็นประเด็นเรื่องการลงโทษเด็กนักเรียนว่าควรจะแค่ไหน อย่างไร ? ประเด็นเรื่องระเบียบวินัยเป็นเรื่องที่ดี ไม่มีใครปฏิเสธ แต่ประเด็นเรื่องพัฒนาการตามวัย การเรียนรู้ที่สะท้อนให้เห็นถึงช่วงวัยของเด็กวัยรุ่น ก็เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ไม่ควรมองข้าม
สิ่งสำคัญที่อยากให้คำนึงถึงคือ พัฒนาการของเด็กวัยรุ่นมีความเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม พวกเขาต้องการความเป็นอิสระอยากทำอะไรได้ด้วยตัวเอง อยากรู้ อยากเห็น อยากลอง รวมไปถึงความตื่นเต้น ท้าทาย ความต้องการหาประสบการณ์แปลก ๆ ใหม่ ๆ
เรื่องทรงผมก็เป็นเรื่องหนึ่งเช่นกัน ! ถ้าผู้ใหญ่เข้าใจสักหน่อย ถึงพัฒนาการช่วงวัยของเด็ก เมื่อเข้าระดับชั้นมัธยมหรือช่วงวัยรุ่น ก็เริ่มสนใจเรื่องรักสวยรักงาม อยากไว้ผมยาว อยากไว้ทรงผมเหมือนดาราคนโปรดบ้าง
วัยนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจและความคิด มีความสนใจในตัวเอง รักสวยรักงาม การแต่งกายก็จะพิถีพิถันหรืออยากให้เป็นที่ยอมรับของเพื่อนฝูง หรือสะดุดตาโดยเฉพาะให้เพศตรงข้ามสนใจ และมีความเป็นตัวของตัวเองมาก ต้องการรับผิดชอบตัวเอง ต้องการอิสระมากขึ้น ไม่ชอบการถูกบังคับหรือมีกฎระเบียบมากเกินไป และพวกเขาก็คิดว่าการไว้ทรงผมต่าง ๆ ที่ไม่เหมือนกันก็ไม่ได้แปลว่าเป็นเด็กเกเร หรือทำให้การเรียนแย่ลง และเรื่องทรงผมก็ยังเป็นปัญหาที่เด็กวัยรุ่นมองว่าเป็นเรื่องใหญ่
ประเด็นเรื่องระเบียบวินัยเป็นเรื่องที่ดี ไม่มีใครปฏิเสธ แต่ประเด็นเรื่องพัฒนาการตามวัย การเรียนรู้ที่สะท้อนให้เห็นถึงช่วงวัยของเด็กวัยรุ่น ก็เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ไม่ควรมองข้าม
อยากให้เด็กมีระเบียบวินัยอยู่ในกฎระเบียบ มีหลายวิธีที่ฝึกฝนได้ เช่น การที่ผู้ใหญ่ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็กเห็น จะได้ไม่ต้องจ้องจะเพ่งเรื่องกฎระเบียบและการลงโทษอย่างเดียว !