เที่ยวบ่อย ๆ ช่วยลูกสุขภาพดี

ผมว่าเรื่องนี้มนุษย์พ่อ มนุษย์แม่น่าจะรู้กันดี เพราะเจ้าตัวเล็กของเราไม่เคยเก็บอาการกระดี๊กระด๊าได้เลยสักครั้ง ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ อาการตื่นตัว กุลีกุจอ หรือคุยจ้อกว่าปกติ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ผมให้คำจำกัดความมันว่า "ความสุข" 

อย่างที่รู้กันดีว่า ความสุขนั้นส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของคนเราไม่ว่าเด็กและผู้ใหญ่ ดังจะเห็นได้จากงานวิจัยมากมาย ล่าสุด Edward Diener อาจารย์ประจำสาขาจิตวิทยาสังคมจาก University of Utah ได้ทำการทบทวนแนวคิดทฤษฎีต่าง ๆ มากกว่า 20 ฉบับ รวมทั้งงานวิจัยต่าง ๆ มากกว่า 150 ฉบับ พบหลักฐานชี้ชัดว่า ความสุขส่งผลดีต่อระบบไหลเวียนโลหิตและภูมิคุ้มกัน ระดับฮอร์โมนและการอักเสบ ช่วยเร่งให้แผลหายเร็วขึ้น 

อีกทั้งความสุขยังเกี่ยวข้องกับการยืดตัวของเอนไซม์เทโลเมเรส ซึ่งอยู่ที่ปลายโครโมโซม ซึ่งเอนไซม์นี้จะสั้นลงเมื่อเราแก่ตัว นั่นแสดงให้เห็นว่า สุขภาพจิตดีส่งผลกับการแก่ตัวและสุขภาพในระดับเซลล์ และยังเป็นปัจจัยหลักต่อสุขภาพดีของคนเราอย่างไม่ต้องสงสัย 

นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ซึ่งเคยยืนยันไว้หลายปีก่อนว่า ..."ความสุขนั้นมีผลต่อสุขภาพกาย และช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันโรคดีขึ้น รวมถึงลดอัตราการป่วยจากโรคเรื้อรัง"...

สำคัญกว่านั้น ความสุขยังทำให้เครือข่ายเส้นใยประสาทของเจ้าตัวเล็กทำการเชื่อมต่อเซลล์สมองเข้าหากันส่งผลให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ มีพัฒนาการทางอารมณ์ที่ดี เลี้ยงง่าย ไม่ก้าวร้าว และสามารถปรับตัวเข้ากับสังคมได้ดี ฯลฯ 

รู้อย่างนี้แล้ว รออะไรล่ะครับ สร้างบรรยากาศแห่งความสุขให้เจ้าตัวเล็กในทุก ๆ วันกันเถอะครับ ซึ่งเทคนิคหนึ่งที่ผมใช้เสมอก็คือ การพาเขาออกไปท่องเที่ยวตามที่ต่าง ๆ ไม่ว่าใกล้หรือไกล ออกไปผจญภัยในโลกกว้าง เปลี่ยนบรรยากาศ ได้พบปะผู้คน สัมผัสธรรมชาติ เพราะความสุขของเด็ก ๆ นั้น สร้างได้ไม่ยากหรอกครับ เชื่อผมเถอะ ! แค่ก้าวออกนอกบ้านสัก 5 ก้าวเราก็จะได้ยินเสียงหัวเราะดัง ๆ ได้เห็นรอยยิ้มกว้าง ๆ ของเขาแล้วล่ะครับ 

ขอบคุณข้อมูล

วารสาร Applied Psychology: Health and Well-Being

กรมสุขภาพจิต

www.bluebasket.market