ช่วยลูกสื่อสาร สร้างความรู้สึกมีคุณค่า
คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า “การชื่นชม” ทำให้ลูกมองตนเองมีคุณค่าเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ?
งานบ้านที่เราทำกันทุกวัน สามารถช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ในด้าน STEAM (Science, Technology, Engineering, Arts, Mathematics) ของลูกได้มากมาย โดยเฉพาะในวัย 0 - 3 ขวบ ที่เป็นช่วงเวลาทองของการพัฒนาสมอง วันนี้หมอจะพามาดูกันค่ะว่า เราจะช่วยให้ลูกเรียนรู้ STEAM ผ่านการทำงานบ้านได้อย่างไรบ้าง
1. วิทยาศาสตร์ (Science) ผ่านการทำครัว
เมื่อคุณพ่อคุณแม่พาลูกน้อยเข้าครัว ไม่ว่าจะเป็นการผสมแป้ง ต้มน้ำ หรือแค่ล้างผัก เด็ก ๆ ก็กำลังเรียนรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์แล้วค่ะ การเห็นว่าสิ่งของเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรเมื่อถูกความร้อน หรือการสังเกตว่าน้ำมันกับน้ำแยกกัน จะช่วยให้เด็ก ๆ รู้จักหลักการทางวิทยาศาสตร์ เช่น การเปลี่ยนสถานะของวัตถุ หรือการละลาย นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Early Childhood Research Quarterly บอกว่า การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ผ่านกิจกรรมที่ทำกับครอบครัว เช่น การทำอาหาร ช่วยเสริมสร้างทักษะการสังเกตและการคิดวิเคราะห์ในเด็กเล็กได้ดี
ตัวอย่างกิจกรรม: ให้ลูกช่วยคนไข่และนมด้วยช้อน แล้วสังเกตว่าเมื่อเรานำไปต้ม ไข่จะเปลี่ยนเป็นเนื้อแข็ง ๆ ได้อย่างไร นี่คือตัวอย่างง่าย ๆ ของการสอนการเปลี่ยนสถานะของวัตถุค่ะ
2. เทคโนโลยี (Technology) ผ่านการใช้เครื่องมือ
การที่เด็ก ๆ ได้มีโอกาสสัมผัสกับเครื่องมือพื้นฐานต่าง ๆ ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ไม้หนีบผ้า เครื่องปั่น หรือแม้แต่โทรศัพท์มือถือของพ่อแม่ (ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิด) เด็ก ๆ ก็เริ่มเรียนรู้ว่าเครื่องมือต่าง ๆ ทำงานอย่างไร และมันช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้นอย่างไร การให้เด็กได้สัมผัสและทดลองใช้เครื่องมือในบ้านจะช่วยพัฒนา “ความรู้พื้นฐานทางเทคโนโลยี” ซึ่งเป็นรากฐานที่ดีสำหรับการเรียนรู้ที่ซับซ้อนขึ้นในอนาคต
ตัวอย่างกิจกรรม: ให้ลูกช่วยหนีบผ้าด้วยไม้หนีบผ้า หรือช่วยหมุนสกรูบนของเล่น นี่เป็นการเริ่มต้นง่าย ๆ ในการเรียนรู้วิธีการทำงานของเครื่องมือพื้นฐาน
3. วิศวกรรม (Engineering) ผ่านการแก้ปัญหางานบ้าน
การทำงานบ้านบางครั้งก็เหมือนการแก้ปัญหาทางวิศวกรรมเล็ก ๆ ค่ะ เช่น การพับผ้าหรือจัดเรียงของในตู้ให้เป็นระเบียบ การเรียงของเข้าตู้ การแยกประเภทสิ่งของ คุณพ่อคุณแม่อาจจะไม่ทันคิด แต่ทุกครั้งที่ลูกได้ทดลองทำงานบ้านเล็ก ๆ เขากำลังพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาและการวางแผน การวิจัยจากสถาบัน National Academy of Engineering ระบุว่า การให้เด็กมีโอกาสทดลองแก้ปัญหาด้วยตัวเอง จะช่วยเสริมสร้างทักษะความคิดเชิงวิศวกรรมในวัยเด็กได้
ตัวอย่างกิจกรรม : ให้ลูกช่วยพับผ้า โดยเลือกชิ้นที่ง่าย ๆ อย่างผ้าเช็ดหน้า แล้วดูว่าลูกสามารถคิดวิธีพับให้มันเรียบร้อยได้เองไหม หรือช่วยจัดของเล่นในกล่องให้เป็นระเบียบ ลูกจะได้ฝึกทักษะการแก้ปัญหาและการจัดระเบียบ
4. ศิลปะ (Arts) ผ่านการสร้างสรรค์ในงานบ้าน
การทำงานบ้านบางครั้งก็เป็นโอกาสดีที่ลูก ๆ จะได้ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ เช่น การวาดรูปขณะทำความสะอาด หรือการจัดตกแต่งบ้านเล็ก ๆ การแต่งจานอาหารให้ดูน่ากินมากขึ้น เด็ก ๆ จะได้ฝึกใช้จินตนาการและเรียนรู้ว่าศิลปะสามารถเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันได้เช่นกัน
ตัวอย่างกิจกรรม: ให้ลูกช่วยเลือกและจัดเรียงหมอนหรือผ้าปูที่นอนให้ดูสวยงาม การแต่งจานอาหารของตัวเอง นี่เป็นการฝึกให้ลูกใช้ศิลปะในการออกแบบและจัดตกแต่งสิ่งของต่าง ๆ รอบตัว
5. คณิตศาสตร์ (Mathematics) ผ่านการนับและวัดในงานบ้าน
การให้ลูกช่วยในงานบ้านอย่างการตวงของในครัว นับจำนวนช้อน หรือวัดส่วนผสม ก็เป็นการฝึกทักษะคณิตศาสตร์แล้วค่ะ เด็กจะได้เรียนรู้เรื่องของการวัด การคำนวณ และการเปรียบเทียบ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในวิชาคณิตศาสตร์ในอนาคต
ตัวอย่างกิจกรรม: ให้ลูกช่วยนับจำนวนช้อนที่จะใช้ตอนรับประทานอาหาร หรือช่วยตวงน้ำให้ได้ตามปริมาณที่กำหนด นี่คือการฝึกให้ลูกเริ่มเรียนรู้เรื่องจำนวนและการวัดอย่างง่าย ๆ
การเรียนรู้ STEAM ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นในห้องเรียนหรือจากอุปกรณ์แพง ๆ แต่จริง ๆ แล้ว มันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ รวมถึงในบ้านของเราเอง การที่พ่อแม่ให้ลูกมีส่วนร่วมในการทำงานบ้าน นอกจากจะสอนให้ลูกมีความรับผิดชอบแล้ว ยังเป็นการช่วยพัฒนาทักษะทาง STEAM ที่จะส่งเสริมพัฒนาการในระยะยาวอีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็นการช่วยทำครัว ใช้เครื่องมือพื้นฐานในบ้าน พับผ้า หรือจัดของเล่นให้เป็นระเบียบ ทั้งหมดนี้คือโอกาสในการเรียนรู้ที่ไม่ต้องเสียเงินแต่ได้ประโยชน์สูงสุด เพียงแค่เปิดโอกาสให้ลูกได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมประจำวัน และคุณพ่อคุณแม่เป็นผู้สนับสนุนเบา ๆ จากข้าง ๆ เท่านั้นเองค่ะ