การเติบโตในยุคดิจิทัล
ในปัจจุบัน “หน้าจอ” เข้ามามีบทบาทในชีวิตมาก และแทรกซึมเข้าสู่ทุกครอบครัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
รู้ไว้เลยครับ ! ศัตรูตัวฉกาจของเจ้าความเครียดก็คือ "ธรรมชาติ" สมัยผมยังเป็นวัยรุ่น เวลาใครมีเรื่องทุกข์ใจ หรือมีปัญหาไม่สบายใจมาปรึกษาผม ผมจะไล่ให้เข้าป่า หรือไม่ไปโดดน้ำทะเลเสมอ
ไม่ได้กวนเบื้องล่างใครนะครับ แต่ผมเชื่อมาแต่ไหนแต่ไรแล้วว่า ธรรมชาติเยียวยาจิตใจเราได้ทุกสภาวะ ไม่ว่าเราจะจน เครียด อกหัก ตกงาน ฯลฯ ไม่ต้องกินเหล้าให้เปลืองครับ วิ่งลงทะเล หรือไม่ลุยป่าสักคืน สองคืน รับรองดีขึ้นแน่นอน
จนได้มาเป็นพ่อคน ความเชื่อนี้ก็ยังคงอยู่ แถมฝังรากลึกในใจผมมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่ได้อ่านบทความของผู้เชี่ยวชาญ หรือผลงานวิจัยเกี่ยวกับธรรมชาติ หนังสือเล่มหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าเป็นเสมือนคู่มือที่พ่อ ๆ แม่ ๆ ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งก็คือ ‘Last Child in the Woods’ ผลงานเขียนโดย ริชาร์ต ลุฟว์ ซึ่งได้รวบรวมงานวิจัยเกี่ยวกับธรรมชาติและเด็ก ๆ ไว้มากมาย
หนึ่งในนั้นก็คือ รายงานของ แนนซี่ เวลส์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการออกแบบและวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมในวิทยาลัยนิเวศวิทยามนุษย์แห่งรัฐนิวยอร์ก ประจำมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ ที่ยืนยันว่า ...“ห้องที่มีวิวธรรมชาตินั้น สามารถช่วยปกป้องเด็กจากความเครียด และธรรมชาติในหรือรอบ ๆ บ้านนั้น กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการปกป้องสุขภาพจิตเด็กได้อีกด้วย”... ยิ่งไปกว่านั้น การศึกษาเดียวกันนี้ ยังพบว่า ...“เหตุการณ์ความเครียดในชีวิตไม่ใช่สาเหตุปัญหาสุขภาพจิตในเด็กที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมธรรมชาติสูง เมื่อเปรียบเทียมกับเด็กที่อยู่ในสภาพแวดล้อมธรรมชาติต่ำ”...
เด็ก ๆ ที่อาศัยอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยธรรมชาตินั้นมักไม่มีความเครียดมาบั่นทอนการใช้ชีวิต โดยในรายงานนั้นยังชี้ให้เห็นว่า เด็กที่มีธรรมชาติใกล้บ้านมากกว่าจะมีความผิดปกติเชิงพฤติกรรม วิตกกังวล และซึมเศร้าน้อยกว่าเพื่อน ๆ ที่มีธรรมชาติใกล้บ้านน้อยกว่า และเด็กที่ธรรมชาติใกล้บ้านมากกว่ายังเห็นคุณค่าของตนเองมากกว่าเพื่อน ๆ ที่มีธรรมชาติใกล้บ้านน้อยกว่า
..."นี่แหละครับ ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ไม่ได้ใช้ได้ผลเฉพาะเจ้าตัวเล็กเท่านั้น แต่สำหรับผู้ใหญ่อย่างเราแล้ว ธรรมชาติก็คือยาใจอย่างดี เครียดเมื่อไหร่ พาลูกพา(ตัว)เราออกไปหาธรรมชาติเถอะครับ นอกจากจะช่วยเราหายเครียดแล้ว ยังสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้เจ้าตัวเล็กได้อีกด้วย"...