การเติบโตในยุคดิจิทัล
ในปัจจุบัน “หน้าจอ” เข้ามามีบทบาทในชีวิตมาก และแทรกซึมเข้าสู่ทุกครอบครัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สมัยนี้เราทุกคนรู้ดีกันอยู่แล้ว ว่าการปล่อยให้ลูกอยู่กับหน้าจอ iPad ทีวี คนเดียวเป็นเวลานาน ๆ หรือแทบตลอดเวลานี่ไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน แต่มันส่งผลร้ายอย่างไร ? ทำไมถึงไม่ควรเลี้ยงให้ลูกติดจอ บทความนี้มีคำอธิบายทั้งรายละเอียดและเหตุผลมากฝากกันค่ะ
การเปิดทีวีทิ้งไว้ในบ้าน ทางวิชาการเรียกว่า “Background Media” โดยได้มีการทำวิจัยในบ้านที่เปิดทีวีทิ้งไว้และบ้านที่ไม่เปิด เพื่อเปรียบเทียบพัฒนาการและสติปัญญาของลูกน้อย พบว่าเด็กที่ถูกเลี้ยงอยู่กับหน้าจอตั้งแต่แรกเกิด มีแนวโน้มพัฒนาการช้า สติปัญญาลดลง เพราะเริ่มรับสื่อตั้งแต่วัยแบเบาะ และพบอีกว่าบ้านที่ใช้หน้าจอต่อเนื่อง ในช่วง 3 ปีแรกของชีวิต เมื่อทดสอบด้าน EF (ความสามารถของสมองส่วนหน้า สำหรับควบคุมความคิด อารมณ์ การกระทำ) มีพัฒนาการลดลง ซึ่งจริง ๆ ควรจะพัฒนามากในช่วงปฐมวัยหรือในช่วง 3 ปีแรกของชีวิต
ถึงตรงนี้หลายคนอาจจะอยากรู้ว่า EF (Executive Functions) คืออะไร เพราะโดยส่วนใหญ่ เวลาพูดถึงพัฒนาการของลูกน้อยหลายบ้านมักจะให้ความสำคัญกับ IQ (Intelligence Quotient ความฉลาดทางสติปัญญา) และ EQ (Emotional Quotient ความฉลาดทางอารมณ์) เพราะเป็นสองคำที่เรารู้จักคุ้นเคยกันมานาน แต่ตอนนี้มีอีกหนึ่งคำที่มีความสำคัญไม่แพ้กันและอยากแนะนำให้รู้จักก็คือ “Executive Functions” หรือ EF
เป็นทักษะที่นักวิชาการระดับโลกชี้แล้วว่า “EF สำคัญกว่า IQ” เพราะเป็นกระบวนการทางความคิด (Mental process) ในสมองส่วนหน้าที่เกี่ยวข้องกับการคิด ความรู้สึก และการกระทำ เช่น การยั้งใจคิดไตร่ตรอง การควบคุมอารมณ์ การยืดหยุ่นทางความคิด การตั้งเป้าหมาย วางแผน ความมุ่งมั่น การจดจำ และเรียกใช้ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดลำดับความสำคัญของเรื่องต่าง ๆ และการทำสิ่งต่าง ๆ อย่างเป็นขั้นเป็นตอนจนบรรลุความสำเร็จ ซึ่งเป็นทักษะที่มนุษย์เราทุกคนต้องใช้ มีความสำคัญยิ่งต่อทั้งความสำเร็จในการเรียน การทำงาน รวมทั้งการมีชีวิตครอบครัว
จากงานวิจัยชัดเจนว่า ช่วงวัยเด็กคือเวลาทองของชีวิตในการพัฒนาทักษะ EF พ้นจากช่วงเวลานี้ไปถึงวัยเรียน วัยรุ่น หรือวัยผู้ใหญ่ตอนต้น แม้จะยังพัฒนาได้ แต่ก็จะไม่ได้ดีเท่ากับช่วงปฐมวัยแล้ว เพราะฉะนั้นแทนที่จะให้ลูกใช้เวลาหมดไปกับหน้าจอ เราควรหาทางพัฒนา EF ของเค้าดีกว่า เพราะการที่เด็กใช้จอเยอะ ๆ จากการที่พ่อแม่เปิดทีวีทิ้งไว้ อาจส่งผลให้ลูกน้อยมีพฤติกรรมดื้อต่อต้านและอาจส่งผลพฤติกรรมไปทางเด็กออทิสติกมากขึ้นอีกด้วย
สำหรับบางบ้านที่ คุณแม่ติดละคร คุณพ่อเชียร์กีฬา อาม่าดูข่าว แล้วในขณะเดียวกันนั้นเราก็เลี้ยงลูกไปด้วย ทำให้ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ใหญ่กับเด็กลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญทำให้เซลล์ประสาทของเด็ก ๆ ไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ตามที่ควรจะเป็น เพราะเซลล์ประสาทจะเชื่อมโยงเป็นโครงข่าย มันจะถูกการพัฒนามากขึ้นโดยผ่านปฏิสัมพันธ์เหล่านี้
หรือแม้แต่ตอนเด็ก ๆ การนั่งเล่นของเล่น แล้วหันมาเจอจอทีวี โดยที่ใช้แค่ตามอง สมองไม่ต้องคิดอะไร ภาพเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ทุกวินาที แต่จินตนาการหยุดอยู่กับที่แทบไม่ได้ใช้ แต่แน่นอนมันง่าย มันสนุก และเพลินดี เด็ก ๆ ย่อมเลือกที่จะมองจอต่อไปแน่นอน ซึ่งพฤติกรรมที่เกิดขึ้นแบบนี้ ถือเป็นสิ่งที่รบกวนการเล่นของเค้า ทำให้พัฒนาการด้าน EF ของลูกน้อยมีความล่าช้า สติปัญญาเติบโตช้ากว่าเพื่อนในวัยเดียวกัน และมีโอกาสเป็นเด็กสมาธิสั้นได้ และอาจกลายเป็นเด็กติดทีวีได้ ให้ความสนใจกับสิ่งในจอมากกว่าสิ่งรอบตัวที่เป็นจริง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาทองก่อนเข้านอนยิ่ง ถ้าปล่อยให้อยู่กับจอลูกจะนอนหลับช้า หลับยากกว่าปกติ หรือมีพฤติกรรมหงุดหงิดง่ายรวมถึงเป็นเด็กก้าวร้าวได้อีกด้วยค่ะ ทุกวันนี้แม่หวานก็ใช้วิธีเล่านิทานวนไปเรื่องละ 5 รอบ เหนื่อยแค่ไหน ง่วงจะตายก็ต้องเล่า แต่มั่นใจว่ามันต้องดีต่ออนาคตเค้าแน่นอน
อย่าปล่อยให้ทีวีเป็นเพื่อนลูก
- พยายามหากิจกรรมที่ลูกทำแล้วชอบมากกว่าการดูทีวี -
เพราะพัฒนาการของลูกน้อยต้องเริ่มมาจากการได้ลงมือทำจริง ๆ มากกว่าการนั่งดูผ่านหน้าจอ เพื่อให้เค้าได้เรียนรู้และเคลื่อนไหวร่างกายได้เสริมสร้างพัฒนาการกล้ามเนื้อมัดใหญ่ไปด้วยในตัว
-อย่าปล่อยให้ลูกอยู่กับทีวีเพียงลำพัง -
หากจะดูทีวีคุณพ่อคุณแม่ต้องอยู่ด้วยกันและมีปฏิสัมพันธ์พูดคุยกัน ก็จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวได้มากกว่าการที่ทิ้งลูกไว้หน้าจอเฉย ๆ เพียงลำพังค่ะ
- อย่าให้ลูกติดทีวีเป็นอันเด็ดขาด -
ถ้าลูกน้อยเลิกดูทีวีได้เมื่อไหร่ ให้กล่าวชื่นชมเค้าเลยค่ะ และบอกถึงข้อเสียของทีวี จะทำให้เค้าลดการติดทีวีได้ค่ะ