"เด็กพลังล้นเหลือ" ปรับให้พอดี เรียนรู้ที่จะช้าลง
ธรรมชาติของเด็ก คือ มนุษย์ที่อยู่ในช่วงวัยที่ทุกอย่างเกิดขึ้นเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
คุณพ่อของ Silo เป็นนักประดิษฐ์ที่มีความคิดสร้างสรรค์ดี แต่ทำอาหารไม่เก่งเท่าคุณแม่ เมื่อรู้ว่าคุณแม่จะไปเยี่ยมคุณยาย ก็อาสาจะทำอาหารมื้อค่ำให้ ลูก ๆ ทุกคนก็น่ารักมาก ถึงจะรู้ว่าสิ่งประดิษฐ์ของคุณพ่อทำอาหารไม่ได้ แต่ก็ไม่คัดค้าน และยังร่วมมือร่วมใจกันทำอาหารกับคุณพ่อด้วย
สิ่งประดิษฐ์ใหม่ครั้งนี้ ดูแล้วน่าจะทำอาหารได้ดีเลยนะคะ แต่บังเอิญว่าเกิดอุบัติเหตุเสียก่อน ว้า…แย่จัง ทุก ๆ คนอุตส่าห์ช่วยกันทำจนเกือบจะสำเร็จแล้ว ดูเหมือนว่าคุณพ่อจะไม่ประสบความสำเร็จในการทำอาหารเลย แล้วเด็ก ๆ สังเกตไหมคะว่าไม่มีใครรู้สึกหงุดหงิดหรือไม่พอใจที่คุณพ่อทำผิดพลาดอีกแล้ว
หมอเชื่อว่าเด็ก ๆ ทุกคนเคยทำผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็นการบวกเลขผิด เขียนหนังสือผิด ไม่ส่งการบ้านคุณครู หรือแม้แต่ตอนเล่นเราก็อาจจะเคยเล่นผิด เช่น ต่อตัวต่อผิดตำแหน่ง, ลงผิดตัวแล้วเกมแพ้ฯ เด็ก ๆ รู้ไหมว่า ความผิดพลาดคือเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตที่ต้องโกรธมากมาย เหมือนอย่างคุณพ่อของ Silo ที่ทำผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็ไม่มีใครโกรธคุณพ่อ และคุณพ่อก็ไม่ได้โกรธตัวเองด้วย
สิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว เราทำอะไรไม่ได้แล้วค่ะ สิ่งที่เราทำได้และควรทำมากกว่าก็คือ “นำความผิดพลาดนั้นมาเป็นบทเรียน ไม่ให้เราทำผิดซ้ำ และจะดีมากขึ้นถ้าเราสามารถทำได้ดีกว่าเดิม” เช่น เมื่อเด็ก ๆ บวกเลขผิด เด็ก ๆ ไม่ต้องโกรธตัวเอง เพราะใคร ๆ ก็บวกเลขผิดทั้งนั้น สิ่งที่เด็ก ๆ ควรทำก็คือ ให้คิดย้อนกลับไปว่าทำไมเราถึงบวกเลขผิด, เราพลาดตรงไหน, เราไม่ตั้งใจหรือเปล่า เมื่อรู้สาเหตุแล้วก็ต้องแก้ไข เช่น ตั้งใจให้มากขึ้น เพื่อไม่ทำผิดซ้ำนะคะ
เหมือนอย่างคุณพ่อ Silo ที่สิ่งประดิษฐ์ใหม่ครั้งนี้ ถือว่าดีกว่าสิ่งประดิษฐ์เดิมมาก เด็ก ๆ จำได้ไหมว่าสิ่งประดิษฐ์เดิมทำอาหารแล้วกินไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ทั้งไข่เจียวไหม้ และขนมปังที่แข็งเป็นหิน คุณพ่อนำความผิดพลาดจากครั้งก่อนมาเป็นบทเรียนเพื่อสร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่ในครั้งนี้ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเลยค่ะ เพียงแต่บังเอิญเกิดอุบัติเหตุ จึงไม่มีอาหารมื้อค่ำจากฝีมือทุกคนกิน
นอกจากลูก ๆ จะไม่โกรธคุณพ่อแล้ว ทุก ๆ คนยังช่วยคุณพ่อเก็บกวาดบ้านด้วย เป็นครอบครัวที่น่ารักมากเลย ดูตอนมื้อค่ำสุดพิเศษจบแล้ว เด็ก ๆ ได้เรียนรู้แล้วนะคะว่า ความผิดพลาดคือเรื่องปกติ ใคร ๆ ก็ทำผิดกันทั้งนั้น เพียงแต่เราต้องนำมาใช้เป็นบทเรียน เพื่อไม่ทำผิดซ้ำและต้องพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น ๆ ส่วนคุณพ่อคุณแม่ ก็ขอให้ใจเย็น ๆ อย่าโกรธลูก, ลองช่วยลูกคิดวิเคราะห์ว่าเพราะอะไรเราถึงทำผิด แล้วมุ่งไปที่การแก้ไขให้ดีขึ้นนะคะ