การที่ลูกไม่เชื่อฟังและต่อต้าน ไม่สะท้อนว่าเราเป็นแม่ไม่ดี

การที่ลูกไม่เชื่อฟังและต่อต้าน ไม่สะท้อนว่าเราเป็นแม่ไม่ดี คำชมและการยอมรับจากคนรอบข้างช่วยให้แม่มองตนเองว่าดีพอ

..."เก่งมากเลย ที่ลูกอดทน"...

..."เยี่ยมมาก ลูกทำได้"...

เด็กที่ได้ยินคำชมจากพ่อแม่แบบนี้ ย่อมมีความสุขและรู้สึกดีต่อตนเอง อันที่จริงแล้ว คำชมก็สามารถช่วยให้คนเป็นพ่อแม่มีความสุข และรู้สึกมีคุณค่าไม่ต่างจากลูกเหมือนกัน ชีวิตคนเราไม่ได้เดินไปข้างหน้าด้วยหลักการหรือเหตุผลเพียงอย่างเดียว กำลังใจจากคำชื่นชมเล็ก ๆ น้อย หรือสีหน้าที่แสดงการยอมรับ มีส่วนสำคัญที่ทำให้ชีวิตเดินทางต่อไปได้อย่างมั่นคง ไม่โดดเดี่ยว

หมอพบว่า "แม่มากมายที่ขาดแคลนการยอมรับ" หรือพูดอีกอย่างว่าทำอะไรก็รู้สึกผิดไปหมด แฟนก็ต่อว่า ยายก็บ่น อ่านหลาย ๆ เพจก็รู้สึกตนเองล้มเหลว แถมหลายคนมองคุณค่าความเป็นแม่ที่ดีตรงที่ลูกเชื่อฟัง

เด็กดื้อไม่เชื่อฟัง มีหลายปัจจัยค่ะ ตั้งแต่พื้นอารมณ์ของเด็ก โรคประจำตัว สิ่งแวดล้อม การเลี้ยงดู คนรอบ ๆ ตัว ซึ่งการเลี้ยงดูจากแม่คือส่วนประกอบหนึ่ง ไม่ใช่ทั้งหมด การที่ลูกไม่เชื่อฟังและต่อต้าน ไม่สามารถสะท้อนว่าเราเป็นแม่ไม่ดี

เมื่อคุณสร้างครอบครัวขึ้นมาแล้ว คุณต้องเป็นทีมเดียวกัน ถึงแม้ความคิดเห็นเรื่องเลี้ยงลูกหลายอย่างจะไม่เหมือนกัน ซึ่งหมอเองก็ไม่ค่อยพบพ่อแม่ที่คิดเห็นในทางเดียวกันเท่าไร มีพบบ้างแต่ไม่บ่อยค่ะ 

การที่คุณมีความคิดเห็นขัดแย้งและทะเลาะกัน ไม่ได้หมายความว่า อีกฝ่ายไม่มีความดีอะไรเลย คุณควรมองให้เห็นนะคะ และนำข้อดีที่แต่ละฝ่ายมี มาชื่นชมหรือขอบคุณ เพื่อให้ ครอบครัวสามารถเดินไปข้างหน้าได้พร้อม ๆ กัน (ไปด้วยกันค่ะ) มาช่วยให้ครอบครัวมีพลังบวกมากขึ้น ด้วยการชื่นชมคู่ของคุณ ดังนี้...

ถ้าคุณเป็นสามี ...“ขอบคุณนะที่ช่วยดูลูกทั้งวัน ลูกเล็ก ๆ แบบนี้ รู้ว่าเลี้ยงไม่ง่ายเลย”...

ถ้าคุณเป็นภรรยา ...“ขอบคุณนะที่ทำงานเพื่อครอบครัว”...

ถ้าคุณเป็นคุณย่า คุณยาย คุณปู่ คุณตา คุณควรยอมรับวิธีการเลี้ยงดูของลูก เพื่อให้พวกเขาไม่เครียดเกินไป นี่คือวิธีช่วยลูกหลานที่ดีที่สุด และหากต้องการให้กำลังใจ คุณอาจถามว่า ...“เหนื่อยมั้ยลูก อยากให้พ่อ/แม่ช่วยอะไรมั้ย”...

แต่หากว่าคุณพูดชมไม่ออก ก็ขอเพียงแสดงการยอมรับ ในสิ่งที่พวกเขาทำ ปิดตาข้างหนึ่งบ้าง อย่าไปขวาง ไปติติง ตำหนิทุกเรื่อง ขอให้คิดว่า ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ งานเลี้ยงลูกไม่ได้ง่าย งานนอกบ้านก็ยาก ไม่ต่างกันนะคะ การพาครอบครัวเดินทางไปข้างหน้า ต้องการทั้งเหตุผล พลังใจ ความเห็นอกเห็นใจกัน ซึ่งคนในครอบครัวต้องช่วยกันค่ะ

หมอพบบ่อยที่แม่หลายคนมองว่าตนเองเป็นแม่ไม่ดีพอ ทั้ง ๆ ที่เลี้ยงลูกแบบอุทิศตัวเองเลย.. นั่นเป็นเพราะคนรอบข้างทำให้เขาเชื่อแบบนี้ คำชมและการยอมรับ จะช่วยให้คนเป็นแม่มองตนเองว่าดีพอ และเมื่อแม่รู้สึกดีพอ ไม่ล้มเหลว เขาจะเลี้ยงลูกได้ดีขึ้น

เมื่อคุณเห็นอกเห็นใจคู่ชีวิตคุณได้ ลูกของคุณจะซึมซับการเห็นอกเห็นใจ (empathy) จากพวกคุณเอง เรื่องการเห็นอกเห็นใจกัน พูดถึงกันมากในช่วงนี้ เริ่มจากครอบครัว และมีคุณเป็นตัวอย่างให้ลูกนะคะ