การเติบโตในยุคดิจิทัล
ในปัจจุบัน “หน้าจอ” เข้ามามีบทบาทในชีวิตมาก และแทรกซึมเข้าสู่ทุกครอบครัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
มีคำกล่าวของ Tal Ben-Shahar กล่าวไว้ว่า “เป็นที่น่ากังขาว่า มีคำสาปใดอีกไหมนะที่จะลงโทษมนุษย์ได้รุนแรงไปกว่าการสนองความต้องการของคนคนนั้นไปเสียทุกอย่าง โดยไม่ให้เขาได้ใช้ความพยายามอะไรเลย ไม่เหลือสิ่งใดให้เขาได้คาดหวัง ต้องการ หรือต่อสู้ดิ้นรนเลย”
“เด็กทุกคนอยากมีพรวิเศษ” ประโยคข้างต้น ฟังดูค้านกับความเชื่อว่าการได้รับพรวิเศษ อยากได้อะไรก็ได้รับ ต้องการอะไรก็ได้มา น่าจะเป็นความโชคดีของคน ๆ นั้น แต่มันก็เป็นความจริง เด็กที่เติบโตมากับสภาพแวดล้อมที่มีแต่ความสุข อยากได้อะไรก็ได้ มีแต่คนตามใจรายล้อมไปหมด ดูเหมือนน่าจะทำให้เด็กเติบโตไปแบบมีความสุข
แต่สิ่งที่เกิดขึ้น คือ สิ่งที่ตรงกันข้าม
เด็กที่เติบโตมากับสภาพแวดล้อมที่มีคนคอยตามใจคอยเอาใจ ทำอะไรก็มีคนคอยทำให้ ไม่ได้เป็นความโชคดีของเด็กคนนั้น การเติบโตมาแบบที่ไม่ต้องมีความพยายามกับอะไร ไม่ต้องอดทนรอคอยอะไร ไม่ต้องผิดหวังกับอะไร ไม่ต้องฝึกตัดใจจากสิ่งที่ไม่ได้ กลับสร้างปัญหาที่ยิ่งใหญ่ต่อการเติบโต
งานวิจัยพบว่าเด็กที่โตมากับพ่อแม่ที่คอยตามใจ อยากได้อะไรต้องได้ ใครขัดใจก็มีปัญหา ไม่ได้เติบโตมาแบบมีความสุขที่แท้ เด็กเหล่านี้หลายคนเติบโตไปแบบไม่มีวินัย เป็นเด็กเอาแต่ใจ ตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล ทำให้มีปัญหาด้านความสัมพันธ์กับคนรอบตัว เด็กหลายคนมีปัญหาด้านการควบคุมอารมณ์ อาละวาดโวยวาย ขาดความยับยั้งชั่งใจและจัดการอารมณ์ตัวเองไม่ได้ มองโลกไม่ได้ดังใจได้ง่ายไปหมด
เด็กเหล่านี้ แม้จะดูเหมือนเติบโตมาท่ามกลางความรัก ท่ามกลางคนคอยเอาใจ แต่หลายคนมักมีความเคารพนับถือตัวเองที่ไม่ดี ซึ่งเกิดจากการขาดความภาคภูมิใจตัวเอง ในความสามารถที่จะต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ และพบว่าตัวเองสามารถก้าวข้ามปัญหาต่าง ๆ ได้
ที่ถูกตามใจมาก ๆ จึงเติบโตภายในแบบไม่มั่นคง การเกิดเป็นมนุษย์ไม่ได้มีแต่ชีวิตที่จะมีความสุข การเตรียมพร้อมที่จะอยู่กับความทุกข์ได้ จึงเป็นอะไรที่สำคัญ อย่าเลี้ยงลูกด้วยการตามใจ ทำให้ทุกอย่าง เพราะการตามใจ มันอาจไม่ได้แสดงถึงความรักลูกที่แท้จริง