366
"คนล้อสนุก" แต่คนถูกล้อไม่สนุกด้วย

"คนล้อสนุก" แต่คนถูกล้อไม่สนุกด้วย

โพสต์เมื่อวันที่ : December 27, 2023

 

คำถาม : “ทำไมเราไม่ควรล้อเลียนหรือแซวเล่นเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกหรือปมด้อยของใคร ?” บางคนอาจจะบอกว่า “ก็แค่แซวเล่นขำ ๆ เองจะคิดมากทำไม ?”

 

คำตอบ : “เราแต่ละคนมีข้อจำกัดทางอารมณ์และความรู้สึกแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับวุฒิภาวะและความแตกต่างของแต่ละบุคคล

 

ถ้าหากเราเอาบรรทัดฐานของเราไปวัดความรู้สึกของคนอื่น นั่นเท่ากับว่าเรากำลังยึดเอาตัวเราเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งอยู่ ทั้ง ๆ ที่ในสังคมเราไม่มีใครเลยที่จะเหมือนกัน เราจะเอาตัวเราเป็นไม้บรรทัดวัดทุกคนบนโลกไม่ได้

 

บางคนไวต่อความรู้สึกกับเรื่องบางเรื่อง มนุษย์เราจึงไม่ได้เข้มแข็งกับทุกเรื่อง เราต่างมีด้านที่อ่อนแอได้ทั้งนั้น หากลองมองย้อนกลับมาที่ตัวเราเอง เราก็มีมุมที่อ่อนแอหรือรู้สึกมากกับเหตุการณ์บางอย่างและคำพูดบางคำพูดได้เช่นกัน"

 

 

คำถามต่อมา "แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครรู้สึกมากกับกับเรื่องไหนหรือคำพูดแบบใด?"

 

คำตอบ : "เราไม่มีทางรู้จนกว่าเราจะเข้าใจที่มาที่ไปของคน ๆ นั้น หรือเป็นตัวคน ๆ นั้นเอง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือการไม่ควรพูดในสิ่งที่อาจจะกระทบกับใจของใครตั้งแต่ต้น และหยุดสร้างบาดแผลให้กับผู้อื่นโดยไม่จำเป็น"

 

 

▶︎ สิ่งที่เราทุกคนควรตระหนักอยู่เสมอ

  • ข้อที่ 1 “คนล้ออาจจะสนุก แต่คนถูกล้อไม่ได้สนุกด้วย” เราอาจจะคิดว่า “นี่เป็นแค่การล้อเล่นเฉย ๆ” แต่การล้อเล่น หรือ เล่นสนุก อีกฝ่ายที่ถูกกระทำต้องรู้สึกสนุกด้วย แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น เราควรหยุดทำทันที เพราะนั่นจะกลายเป็นการกลั่นแกล้งในเชิงล้อเลียนทันที ซึ่งเป็นการทำร้ายความรู้สึกของอีกฝ่าย

 

  • ข้อที่ 2 “เวลาที่ใครทำอะไรไม่ได้ เราควรเข้าไปแนะนำหรือช่วยเหลือ เพราะการหัวเราะเขาที่ทำไม่ได้ ไม่ได้ช่วยอะไรเลย แถมเป็นยังเป็นการซ้ำเติมอีกฝ่ายให้รู้สึกแย่เข้าไปอีก” บ่อยครั้งที่เราใช้ตัวเราไปตัดสินคนอื่นโดยที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ อะไรที่เราทำได้ แต่คนอื่นทำไม่ได้ เราควรแนะนำ ไม่ใช่หัวเราะเยาะเขาที่ทำไม่ได้

 

  • ข้อที่ 3 “เคารพในความแตกต่าง” ไม่มีใครเหมือนกัน และความแตกต่างไม่ใช่สิ่งที่ควรนำมาล้อเล่น เคารพในความเป็นมนุษย์ของกันและกันคือสิ่งที่เราควรทำ

 

 

▶︎ สิ่งที่เราควรหยุดทำเดี๋ยวนี้

จงหยุดทักทายอีกฝ่ายด้วยการล้อเลียนรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่าย หรือพูดถึงจุดด้อยจนทำให้อีกฝ่ายอับอายราวกับเป็นเรื่องตลก เช่น "ไม่เจอกันนาน อ้วน / ผอมขึ้นหรือเปล่า" "ทาครีมกันแดดบ้างไหม ดำขึ้นเยอะเลย" "ไปทำไรมาสิวเต็มหน้าเลย" ฯลฯ แทนที่ด้วยการทักทายอย่างจริงใจและเป็นห่วงเป็นใยกันดีกว่า เช่น "สบายดีไหม" "เป็นอย่างไรบ้าง" "ไม่ได้เจอกันนาน คิดถึงมากเลย" หากไม่รู้จะเริ่มทักอีกฝ่ายอย่างไร ลองส่งยิ้มให้ก็เพียงพอสำหรับการเริ่มต้นแล้ว

 

 

▶︎ บทเรียนสำคัญในการสอนลูกเรื่อง Body Shaming

 

● บทเรียนที่ 1 “อย่าปล่อยเรื่องการหัวเราะเยาะ การล้อเลียนปมด้อยและรูปลักษณ์ภายนอกของผู้อื่นเลยผ่านไป” เพราะผู้ใหญ่หรือเด็ก ๆ ที่กระทำเช่นนั้นจะมองว่า "เป็นเรื่องปกติ" เขาจะมีแนวโน้มทำเช่นนั้นเป็นเรื่องปกติในอนาคตเช่นกัน ส่วนเด็ก ๆ ที่ถูกกระทำก็รู้สึกเสียความมั่นใจ และหมดคุณค่าไปเรื่อยๆ

 

สำหรับเด็กปฐมวัยผู้ใหญ่ควรสอนให้เขาเรื่อง “ความแตกต่างเป็นเรื่องที่ดี” และ “เด็ก ๆ ทุกคนควรภูมิใจในรูปร่างหน้าตาที่ตัวเองมี” โดยไม่ไปตัดสินรูปร่างหน้าตาของผู้อื่นที่แตกต่างจากเราด้วยเช่นกัน

 

 

● บทเรียนที่ 2 “ผู้ใหญ่รอบตัวเด็ก ๆ ควรตระหนักอยู่เสมอว่า การหัวเราเยาะเด็ก การแหย่เด็ก แม้จะทำด้วยความรัก ความเอ็นดู แต่เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง” หากเด็กรู้สึกไม่ชอบ เพราะถ้าเราทำต่อไป เด็กจะเรียนรู้ว่า เป็นเรื่องปกติที่ใคร ๆ ก็ทำกัน เขาจะทำเช่นนั้นกับเพื่อนหรือคนอื่น ๆ ดังนั้น ถ้ารักและเอ็นดูเขา ให้พูดเอ่ยปากชม หรือ แสดงด้วยการเข้าไปกอด ดีกว่าการเข้าไปหยอกล้อจนเด็กร้องไห้ออกมา

 

 

● บทเรียนที่ 3 “ผู้ใหญ่ควรเป็นแบบอย่างให้กับเด็ก” ผู้ใหญ่ควรเคารพในความแตกต่าง ให้เกียรติและไม่ตัดสินผู้ที่มีรูปร่างแตกต่างจากเรา โดยไม่ใช้การเปรียบเทียบเพื่อกดผู้อื่นให้ดูแย่กว่าตนในการสอนเด็ก เช่น กินมาก ๆ เดี๋ยวอ้วนเป็นหมูเหมือนป้าข้างบ้านหรอก ไม่ยอมตัดผม เดี๋ยวก็กลายเป็นตุ๊ดหรอก

 

เราสอนให้เด็กเรียนรู้ที่จะให้เกียรติผู้อื่น และไม่ดูถูกใคร ทุกคนแตกต่างกัน ไม่มีใครเหมือนกัน และทุกคนไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน เราก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร ทั้งนี้ความแตกต่างนั้นที่เรามีหรือการเป็นตัวเราเองนั้นต้องไม่ทำให้ตัวเองหรือผู้อื่นเดือดร้อน เราควรปฏิบัติกับคนทุกคนเฉกเช่นเพื่อนมนุษย์ร่วมโลกกับเรา เราควรเห็นอกเห็นใจ และเคารพในสิ่งที่เขาเป็น โดยไม่ละเมิดสิทธิของตัวเราหรือของใคร

 

 

การปกป้องตัวเองในยามที่โดนกระทำเป็นสิ่งที่เราทำได้ เราจะไม่ยืนให้อีกฝ่ายกระทำเราเพียงฝ่ายเดียว แต่เราจะไม่เลือกใช้ความรุนแรงก่อน เพราะสิ่งที่ทรงพลังกว่าคือ การยืนหยัดให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าตนเองไม่ชอบและต้องการให้หยุดพูดถึงสิ่งนั้น หากไม่หยุดเราไม่จำเป็นต้องเสียเวลาสนทนาด้วย สุดท้าย...อย่าให้คำพูดที่ไม่ดีบั่นทอนคุณค่าภายในตัวเรา