พัฒนาทักษะ STEAM ผ่านงานบ้าน
แต่ละครอบครัวมีงานบ้านอะไรบ้างที่มอบหมายให้เด็ก ๆ ช่วยทำ ?
เราคงเคยได้ยินผู้ใหญ่อวยพรเด็ก ๆ บอกให้ลูก ๆ หลาน ๆ เป็น “เด็กดี” จนคุ้นชิน แต่คำว่า “เด็กดี” ที่ผู้ใหญ่คิดไว้นั้น ต้องเป็นอย่างไร ?
"เด็กดี" คือ เด็กที่ยอมทำตามคำสั่งของผู้ใหญ่ ไม่หือ ไม่อือ แบบนั้นใช่หรือไม่ ? ถ้าใช่ แล้วธรรมชาติจะสร้างให้เด็กขี้สงสัย ช่างซักช่างถาม บางครั้งก็ท้าทาย ไปทำไม ?
หลายครั้งที่เราบอกให้เด็กค้นหาตัวตน เลือกทำสิ่งที่ชอบ ต้องการให้เด็ก “คิดเป็น” แต่ในทางกลับกัน เพียงแค่เด็ก “คิด” และตั้งข้อสงสัย จะอ้าปากถามก็ถูกหาว่า “ดื้อ” หาว่า “เถียง” เสียแล้ว ทิ้งคำพูดไว้คาปาก ทิ้งคำถามไว้คาใจ แล้วจะให้เด็ก “คิดเป็น” ได้อย่างไร จริงไหมครับ
ทุกวันนี้เทคโนโลยีมีความก้าวหน้ามากมาย สิ่งต่าง ๆ ทั้งดีและไม่ดีสามารถเข้าถึงง่ายสะดวกสบายกว่ายุคก่อนมาก หากคุณพ่อคุณแม่ยังใช้วิธีการเลี้ยงดูแบบสมัยก่อน ไม่เปิดหูฟังเสียงความต้องการของเด็กยุคใหม่ ไม่เปิดใจรับสิ่งที่เปลี่ยนไปในสังคม ก็คงจะทำความเข้าใจในลูกหลานของตัวเองได้ยาก และมีโอกาสสูงที่จะสูญเสียบุคลากรที่มีคุณภาพ สามารถเป็นอนาคตที่ดีของประเทศชาติไปอย่างน่าเสียดาย ดังนั้นยุคนี้พ่อแม่ควรจะเปลี่ยนบทบาท จากการที่ลูกจะต้องเชื่อฟัง มาเป็นผู้รับฟังแทน เพื่อที่จะเข้าใจความต้องการ แล้วทำหน้าที่สนับสนุนลูกให้ไปได้สุดทางเท่าที่จะไปได้น่าจะเหมาะกว่า
อีกสิ่งที่ต้องยอมรับ ก็คือสมัยนี้มีเด็กรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ออกมาให้เห็นตามสื่อกันมากมาย ความสำเร็จที่ว่า ไม่ได้วัดกันที่ร้อยล้านหรืออะไรทำนองนั้นนะครับ แต่เราดูกันที่การค้นพบแนวทางของตัวเอง เริ่มต้นลงมือทำ พัฒนาจนถึงจุดสูงสุด และยังคงต่อยอดไปได้ตามทางของอาชีพนั้น ๆ หลาย ๆ คนมีจุดเริ่มต้นมาจากการ “คิดต่าง” แต่มุ่งมั่นและกล้าที่จะลงมือทำ หลาย ๆ อาชีพ ถือเป็นอาชีพใหม่ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ที่แม้แต่เราที่เป็นพ่อแม่เองก็ยังตามไม่ทัน เข้าใจไม่หมด อย่างเช่น นักบินโดรน เกมแคสเตอร์ บล็อคเกอร์ หรือแม้แต่ธุรกิจสตาร์ทอัพทั้งหลาย เป็นต้น
แล้วมันจะถูกต้องหรือ หากจะตัดสินความคิดหรือสิ่งที่เด็ก ๆ เลือกนั้นว่า “ผิด” อนาคตของประเทศชาติและโลกใบนี้ขึ้นอยู่กับการเปิดกว้างของประตูใจของคุณพ่อคุณแม่นี่เอง อย่าเอาความต้องการหรือความฝันของตัวเองมายัดเยียดให้กับลูก อย่าเอาความกลัวหรือความไม่เข้าใจของเรามาเป็นข้ออ้างในการปฏิเสธสิ่งที่ลูกเลือก เพราะการที่จะต้องสานต่อความฝัน สร้างอนาคตตามแนวทางที่คนอื่นกำหนดไว้นั้น ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
เปิดโอกาสให้ลูกได้เลือกในสิ่งที่ชอบ ได้แสดงออกทางความคิดเห็นอย่างอิสระ ที่สำคัญคือ การปรับทัศนคติของตัวเราเองที่ว่า “คิดต่าง” ไม่เท่ากับ “ดื้อ” และ “เด็กดี” ไม่จำเป็นต้องทำตามที่ผู้ใหญ่บอกทุกครั้งทุกอย่างนะครับ