ในวันที่ลูกไม่พร้อม พ่อแม่เคียงข้างลูกได้อย่างไร
ในวันที่ลูกไม่พร้อม สิ่งที่ลูกต้องการจากพ่อแม่ คือ “การเคียงข้าง” เท่านั้นเอง
นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน Diana Baumrind (1971) ได้แบ่งรูปแบบการเลี้ยงดูเด็กของพ่อแม่ออกเป็น 4 แบบ ซึ่งแต่ละแบบจะส่งผลต่อเด็กที่เติบโตมาแตกต่างกัน
♥︎ 1. พ่อแม่ที่ชอบควบคุมและเรียกร้องจากลูก ♥︎
พ่อแม่รูปแบบนี้จะค่อนข้างเรียกร้องให้ลูกตอบสนองต่อความต้องการของตนเอง แต่เมื่อลูกต้องการการตอบสนองจากตน จะตอบสนองลูกน้อยหรือแทบไม่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกเลย พ่อแม่มักจะเข้มงวดมาก ไม่ค่อยอธิบายเหตุผลให้ลูกฟัง และต้องการควบคุมลูกอยู่เสมอ
พ่อแม่ไม่สามารถยอมรับได้ หากลูกจะเรียกร้องให้ตนรับฟังความคิดเห็น (แต่ส่วนมากเด็กที่เติบโตมากับพ่อแม่ที่เป็นแบบนี้ มักเกรงกลัวพ่อแม่เกินกว่าจะพูดโต้แย้งหรือเสนอความคิด และพูดความรู้สึกของตนอยู่แล้ว) ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับเด็กกลุ่มนี้จึงห่างเหินมาก เพราะพ่อแม่ควบคุมลูกไว้เสมอ
เด็กที่เติบโตมากับ "พ่อแม่ที่ชอบควบคุม"
สุดท้ายหากมีใครที่แตกต่างจากตนหรือกลุ่ม เขาจะมองว่า ‘ความแตกต่างที่คน ๆ นั้นมี เป็นสิ่งที่ไม่ดี และยอมรับไม่ได้’ เนื่องจากพ่อแม่ของเขาเองก็ไม่ยอมรับตัวเขาเมื่อเขาเห็นต่างจากพ่อแม่นั่นเอง (และพ่อแม่ไม่ยอมรับเขาอย่างรุนแรงด้วย)
♥︎ 2. พ่อแม่ที่เอาใจลูกและทำตามคำเรียกร้องของลูกแทบจะทุกอย่าง ♥︎
พ่อแม่รูปแบบนี้มักจะทำตามคำเรียกร้องจากลูกเสมอ แม้ว่า ‘สิ่งนั้นจะเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมก็ตาม’ ถ้าพวกเขาไม่ติดขัดอะไร ลูกจะได้รับสิ่งนั้นในทันที พ่อแม่กลุ่มนี้จะกลัวการขัดใจลูก เพราะกลัวว่า ‘ถ้าขัดใจลูกแล้วลูกร้องไห้ ลูกจะไม่รักตนเอง’ รูปแบบของการให้โดยไม่มีเงื่อนไข ไม่มีขอบเขต อาจจะมีความพยายามในการสอนลูกบ้าง แต่จะเป็นไปในลักษณะพูดขอร้องให้ลูกทำมากกว่าการบอกว่ามันจะเป็นต้องทำ ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจึงเป็นไปในลักษณะที่พ่อแม่อยู่ใต้การควบคุมของลูกเสียมากกว่า
เด็กที่เติบโตมากับ "พ่อแม่ที่เอาใจ"
แม้จะเป็นคนที่เห็นคุณค่าในตัวเองสูง แต่กลับไม่รู้สึกมั่นคง เพราะต้องพึ่งพาคนอื่นอยู่เสมอ มักจะชอบการควบคุมบงการให้ผู้อื่นทำตามข้อเรียกร้องของตน ไม่มีความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น ไม่ต้องการอยู่ภายใต้กฎกติกา เนื่องจากพ่อแม่ของเขาเอาอกเอาใจเขาอยู่เสมอ ไม่เคยขัดใจ เมื่อเจอเรื่องขัดใจจะยอมรับสิ่งนั้นไม่ได้
♥︎ 3. พ่อแม่ที่ทอดทิ้งลูก ♥︎
พ่อแม่รูปแบบนี้มักจะไม่เอาใจใส่ลูกหรือเอาใจใส่น้อยมาก เรียกได้ว่าแทบไม่สนใจหรือตอบสนองต่อลูกเลย เมื่อลูกต้องการให้พ่อแม่กอด เล่นด้วย หรือ ทำอะไรด้วย พ่อแม่กลุ่มนี้มักจะปฏิเสธหรือเพิกเฉยต่อการร้องขอนั้น และปล่อยให้เด็กเล่นคนเดียว แม้จะไม่ได้ทิ้งลูกให้อยู่บ้านคนเดียว และพ่อแม่อยู่ในบริเวณเดียวกันกับลูก แต่พ่อแม่อาจจะไม่ปฏิสัมพันธ์กับลูกเลย
โดยมากจะปรากฏในพ่อแม่ที่ให้ความสำคัญกับลูก (ในพ่อแม่ที่มีปริมาณงานเท่า ๆ กัน พ่อแม่บางคนเลือกที่จะใช้เวลาอันน้อยนิดกับลูก แต่พ่อแม่กลุ่มนี้คือไม่สนใจจะพยายามเลย) และเล่นกับลูกไม่เป็น ไม่อยากเริ่มต้นเข้าหาลูกก่อน พวกเขาไม่เห็นความสำคัญของการเลี้ยงดู ‘จิตใจ’ ของลูกเท่าใดนัก ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น คือ ในช่วงแรกลูกอาจจะพยายามเรียกร้องจากพ่อแม่ให้รักเขา สนใจเขา แต่นานวันเมื่อเขาไม่ได้รับมัน พวกเขาก็ถอดใจ และถอยห่างจากพ่อแม่ในที่สุด
เด็กที่เติบโตมากับ "พ่อแม่ที่ทอดทิ้งเขา"
บางคนทำตัวสวนกระแสสังคมเพื่อสร้างจุดเด่นให้กับตนเอง เพราะที่ผ่านมาพ่อแม่ไม่เห็นคุณค่าในตัวเขา เหมือนว่าเด็กกลุ่มนี้จะทำตัวแตกต่าง แต่ทว่า...เขาไม่พร้อมจะยอมรับในความแตกต่างจากกลุ่มอื่นที่ต่างจากกลุ่มตน
♥︎ 4. พ่อแม่ที่เอาใจใส่ ♥︎
พ่อแม่รูปแบบนี้ค่อนข้างเอาใจใส่ลูก ตอบสนองลูกเมื่อลูกร้องขอและสิ่งนั้นเหมาะสม มีการสอนสั่งวินัย และอธิบายสิ่งต่างๆ อย่างเป็นเหตุเป็นผล ไม่ใช้อารมณ์ในการเลี้ยงลูก ให้การควบคุมในเรื่องที่ลูกยังไม่สามารถทำได้เอง แต่ในเรื่องที่ลูกสามารถทำได้แล้วพ่อแม่รูปแบบน้ีจะปล่อยให้ลูกได้รับผิดชอบและทำเอง ให้ความช่วยเหลือเมื่อยามจำเป็น แต่ไม่ทำให้ทุกอย่างที่ลูกทำได้ มีกติกาที่ชัดเจน แต่ในขณะเดียวกันก็รับฟังความเห็นของลูก (ที่แตกต่าง) เช่นเดียวกัน แม้ว่าจะมีความคาดหวังในตัวลูก แต่สิ่งนั้นจะต้องเป็นสิ่งที่ทั้งลูกและตนเห็นพ้องต้องกัน และคาดหวังตามความเป็นจริง สนับสนุนลูกเท่าที่ตนทำได้
เด็กที่เติบโตมากับ "พ่อแม่ที่เอาใจใส่"
เมื่อเรารู้ว่าเราเป็นพ่อแม่แบบไหนของลูก ถ้าหากผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นจากการเป็นพ่อแม่แบบนั้นส่งผลในการที่ไม่ดีกับลูกของเรา เราจะเลือกเปลี่ยนแปลง และเป็นพ่อแม่แบบไหนเพื่อลูกของเราดี
อ้างอิง : Darling, N. (1999). Parenting Style and Its Correlates. ERIC Digest.