256
วิธีสร้างเพื่อนของวัยรุ่นยุคนี้

วิธีสร้างเพื่อนของวัยรุ่นยุคนี้

โพสต์เมื่อวันที่ : January 29, 2021

ลูกชอบคุยกับเพื่อนทางแชท ไม่ค่อยได้ออกจากบ้าน ลูกรู้จักเพื่อนทางออนไลน์เยอะมาก เป็นห่วงเหมือนกัน

 

จำได้ว่ายุคสมัยของคนรุ่นพ่อแม่มีการสร้างเพื่อน และแบ่งประเภทของเพื่อนตามช่วงวัย เช่น เพื่อนเรียนอนุบาล เพื่อนเรียนประถม เพื่อนเรียนมัธยม เพื่อนเรียนมหาวิทยาลัย หรือแบ่งกลุ่มตามสถานที่ เช่น เพื่อนบ้าน เพื่อนที่ทำงาน ฯลฯ ก็สุดแท้แต่ว่าใครจะมีวงสังคมแบบไหน มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตหรือมีวิถีชีวิตอย่างไร ก็จะทำให้แต่ละช่วงชีวิตมีเพื่อนในช่วงเวลานั้น ๆ 

 

แต่ปัจจุบันมีเพื่อนบนโลกออนไลน์ด้วย สำหรับเพื่อนบนโลกออนไลน์ของคนรุ่นพ่อแม่ก็ทำให้การได้กลับไปเจอเพื่อนในอดีต หรือได้พูดคุยกับเพื่อนในแต่ละช่วงชีวิตสามารถทำได้ง่ายกว่าอดีตมากนัก และมีการเปิดรับเพื่อนใหม่ทางโลกออนไลน์มากขึ้น

 

แตกต่างจากรุ่นลูก โดยเฉพาะเด็กที่เติบโตมาในยุคดิจิทัล คำว่าเพื่อนของพวกเขาอาจมีนิยามที่ต่างกันออกไปจากยุคสมัยของคนเป็นพ่อแม่ เพื่อนตามช่วงวัยย่อมมีแน่นอน เพียงแต่ช่องทางการสื่อสารของเพื่อนตามช่วงวัยของพวกเขา ก็คือการสื่อสารผ่านทางออนไลน์เป็นหลัก 

 

ขณะเดียวกันเพื่อนใหม่ทางโลกออนไลน์ก็ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามวิถีที่ใช้ชีวิตอยู่กับเครื่องมือสื่อสารทางเทคโนโลยีมากน้อยแค่ไหน ทำให้เด็กบางคนอยู่บ้านทั้งวัน แต่ก็พูดคุยกับเพื่อนได้ทั้งวัน !

 

พฤติกรรมเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นสำหรับเด็กยุคนี้ที่คนเป็นพ่อแม่ต้องทำความเข้าใจ และยอมรับว่าโลกเปลี่ยนไปแล้ว โลกที่ลูกของเราต้องเติบโตขึ้นท่ามกลางโลกดิจิทัล เป็นโลกที่พ่อแม่ต้องเปิดใจ และเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กับลูก เพื่อให้เกิดสัมพันธภาพที่ดีต่อกันในครอบครัว เพราะแนวโน้มที่เด็กยุคดิจิทัลจะเปลี่ยนวิธีสร้างสัมพันธ์กับคำว่าเพื่อนก็เปลี่ยนไปด้วย โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น

 

 

จากเดิมความเป็นเพื่อนเกิดจากความสัมพันธ์แบบพบปะหน้ากัน และใช้เครื่องมือหลายประเภทในการติดต่อสื่อสาร เมื่อมนุษย์สามารถใช้เทคโนโลยีสร้างโลกเสมือนขึ้นมาควบคู่กับโลกแห่งความจริง ความเป็นเพื่อนบนโลกเสมือนจึงเกิดขึ้นตามมา ทำให้คนหนึ่งคนสามารถเพิ่มเพื่อนได้ถึงหลักร้อยหรือหลักพันคนด้วยระยะเวลาไม่นาน ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยในโลกแห่งความจริง

 

ข้อมูลจากการศึกษาของ Dr. William Reader จาก Sheffield Hallam University United Kingdom พบว่าสื่อสังคมออนไลน์ เช่น Facebook และ MySpace ไม่ได้ช่วยให้ผู้ใช้เพิ่มเพื่อนสนิทได้ และเชื่อว่าเพื่อนสนิทนั้นเกิดขึ้นจากการพบกันซึ่งหน้ามากกว่าการอยู่บนโลกออนไลน์ โดยพบว่าแม้สื่อสังคมออนไลน์จะให้ผู้ใช้เพิ่มเพื่อนได้มากเท่าใดก็ตาม แต่เพื่อนสนิทบนโลกออนไลน์นั้นมีจำนวนเท่า ๆ กับเพื่อนในโลกแห่งความเป็นจริง และคนทั่วไปมีเพื่อนสนิทราว 5 คนเท่านั้น

 

ในขณะที่ตัวเลขการใช้อินเทอร์เน็ตของวัยรุ่นมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี เด็ก ๆ เปลี่ยนวิธีที่จะสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับเพื่อนผ่านโลกออนไลน์เป็นหลัก ปัญหาเดิม ๆ ที่พ่อแม่เคยกังวลใจสมัยลูกเล็ก ประเภทเมื่อลูกเข้าสู่รั้วโรงเรียนจะปรับตัวเข้ากับเพื่อน และคุณครูได้ไหม หรือปัญหาเรื่องการคบเพื่อน เพราะกังวลว่าลูกจะคบเพื่อนไม่ดี ก็จะเปลี่ยนไป เพราะพ่อแม่ยุคนี้กังวลใจกับเพื่อนของลูกบนโลกออนไลน์มากกว่า

 

ฉะนั้นเป็นเรื่องที่พ่อแม่ผู้ปกครองต้องทำความเข้าใจและยอมรับว่ายุคสมัยเปลี่ยน การคบเพื่อนของลูกก็เปลี่ยนเช่นกัน จะใช้วิธีคิดแบบเดิมไม่ได้แล้ว พ่อแม่ควรปล่อยให้ลูกได้ลองผิดผิดลองถูก เรียนรู้ และตัดสินใจด้วยตัวเอง โดยคอยดูอยู่ห่าง ๆ เพราะเท่ากับว่าเราได้เรียนรู้โลกของลูกไปด้วย

 

สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ

☺︎ ปรับทัศนคติ ☺︎

พ่อแม่ต้องปรับทัศนคติก่อนว่า ลูกจะเลือกคบใครก็เป็นเรื่องของเขา ต้องเคารพการตัดสินใจ และให้ลูกได้เรียนรู้ด้วยตัวเองว่าเพื่อนของเขาเป็นอย่างไร เราเองก็เคยผ่านช่วงชีวิตที่มีทั้งเพื่อนที่ดี และเพื่อนไม่ดี ลูกก็ควรได้รับโอกาสนั้นด้วยตัวเอง เพียงแต่รูปแบบของสัมพันธภาพอาจจะเปลี่ยนแปลงไป เป็นเรื่องที่คนเป็นพ่อแม่ควรปรับตัวมากกว่า

 

☺︎ แทรกซึมไม่ใช่แทรกแซง ☺︎

เมื่อลูกเข้าสู่วัยรุ่น เขาจะให้ความสำคัญกับเพื่อนมากขึ้น พ่อแม่ต้องตั้งรับกับความสัมพันธ์ที่ลูกจะค่อย ๆ ห่างจากเราไปบ้าง เพื่อนจะเข้ามามีบทบาทกับลูกของเรา พ่อแม่อย่าพยายามพร่ำสอนหรือพร่ำบ่นว่าควรจะต้องคบเพื่อนแบบไหน ไม่ควรคบแบบไหน เพื่อนทางออนไลน์น่ากลัว ฯลฯ รับประกันว่าลูกไม่ฟัง แต่เปลี่ยนมาทำหน้าที่พ่อแม่เชิงรุกเพื่อแทรกซึมมิใช่แทรกแซง เพื่อให้เขารู้เท่าทันโลกออนไลน์ และฝึกให้ลูกเรียนรู้เรื่องการคบเพื่อนที่ดี ที่สำคัญต้องทำให้ลูกไว้ใจพ่อแม่ด้วย

 

☺︎ เป็นมิตรกับเพื่อนของลูก ☺︎

เริ่มจากการพูดคุยกับลูกเรื่องเพื่อน ให้ลูกเล่าให้ฟังถึงเรื่องราวต่าง ๆ ของเพื่อนที่โรงเรียน หรือเพื่อนทางออนไลน์ เมื่อได้มีโอกาสพบเพื่อนของลูกพยายามสร้างมิตรภาพอันดีให้เกิดขึ้น อย่ารีบด่วนสรุปว่าเพื่อนลูกเราเป็นอย่างไร ในทางกลับกันถ้าเราแสดงท่าทางไม่สนใจไยดีในตัวเพื่อนของลูก หรือไม่ชอบที่ลูกคบเพื่อนทางออนไลน์ ลูกจะรู้สึกอึดอัดทันที และจะรู้สึกว่าระหว่างพ่อแม่กับเพื่อนนั้นเป็นฝ่ายตรงข้ามกัน เพราะฉะนั้นเขาก็ไม่อยากให้เพื่อนและพ่อแม่เจอหน้ากันอีก เท่ากับคุณได้ตัดโอกาสของคุณไปเองด้วย

 

☺︎ ฝึกให้ลูกแยกแยะได้ ☺︎

เรื่องคบเพื่อนเป็นเรื่องที่ต้องปล่อยให้ลูกได้เผชิญเอง สิ่งที่พ่อแม่ทำได้ คือเฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ ให้คำแนะนำเมื่อลูกร้องขอ และให้ตระหนักรู้ว่าในโลกออนไลน์ มีทั้งคนดีและไม่ดี ควรจะมีวิธีในการแยกแยะ หรือระมัดระวังตนแค่ไหนอย่างไร เพราะโลกออนไลน์ก็อาจมีมิจฉาชีพที่แฝงตัวเข้ามาเป็นมิตรกับเราก็ได้ อาจยกตัวอย่างข่าวคราวที่เป็นอุทาหรณ์ให้ลูกได้เห็น และอย่าไปพยายามควบคุม หรือสั่งสอน เพราะคุณจะได้ผลลัพธ์ในทางตรงข้าม

 

อย่าลืมว่าพวกเขาเกิดมาก็มีอินเตอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟนใช้กันแล้ว พวกเขาสามารถเข้าถึงข้อมูลทุกอย่างทั่วโลกได้ทันที เรื่องระยะทาง เวลา ไม่เป็นอุปสรรคต่อการติดต่อสื่อสารเหมือนคนรุ่นก่อนหน้านี้ เพราะคนรุ่นนี้คุ้นเคยและใช้เทคโนโลยีได้ชำนาญตั้งแต่เด็ก

 

..."อย่าลืมว่าถึงที่สุดแล้วชีวิตเป็นของเขา เราให้ได้แค่หลัก คอยเฝ้ามองและแนะนำอย่างมีศิลปะ ไม่ใช่บงการหรือทำตัวเป็นเจ้าของชีวิตเขา"...