92
วิธีรับมือและป้องกัน โรคและภัยสุขภาพช่วงเปิดเทอม !!

วิธีรับมือและป้องกัน โรคและภัยสุขภาพช่วงเปิดเทอม !!

โพสต์เมื่อวันที่ : May 20, 2024

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แพทย์หญิงจุไร วงศ์สวัสดิ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ผู้ช่วยอธิบดีกรมควบคุมโรค และนายแพทย์วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค ร่วมดำเนินการแถลงข่าวในหัวข้อ “รับมืออย่างไร โรคและภัยสุขภาพช่วงเปิดเทอม” พร้อมแนะนำประชาชน รวมถึงผู้ปกครองและคุณครู ถึงวิธีการรับมือโรคและภัยสุขภาพช่วงเปิดเทอม

 

ไข้หวัดใหญ่


มักเกิดการระบาดในช่วงฤดูฝน ประกอบกับเป็นช่วงใกล้เปิดเทอม จึงขอเน้นย้ำให้ประชาชนดูแลตนเองและบุตรหลานอย่างใกล้ชิด ดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่ต้นปีพบผู้ป่วย จำนวน 144,574 ราย ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กเล็กและกลุ่มวัยเรียน ได้แก่ อายุแรกเกิด - 4 ปี (15%) และอายุ 10-14 ปี (14%) 

 

แนะนำประชาชนกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ปีละ 1 ครั้งช่วงก่อนฤดูกาลระบาด ได้แก่

  1. หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป (ให้บริการตลอดทั้งปี) 
  2. เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี 
  3. ผู้มีโรคเรื้อรัง เช่น ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ เป็นต้น 
  4. ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป
  5. ผู้ที่เป็นโรคธาลัสซีเมีย และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  6. โรคอ้วน และ
  7. ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ กลุ่มเสี่ยงดังกล่าว สามารถติดต่อเข้ารับวัคซีนได้ฟรีที่สถานพยาบาลของรัฐใกล้บ้า

 

โควิด 19

 

ขอเน้นย้ำผู้ปกครองดูแลบุตรหลาน ดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (วันที่ 5 - 11 พฤษภาคม 2567) พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 19 ที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลจำนวน 1,880 ราย เฉลี่ย 269 รายต่อวัน ผู้ป่วยอาการรุนแรงปอดอักเสบ 588 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 237 ราย เสียชีวิต 11 ราย ผู้เสียชีวิตทุกรายเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีโรคเรื้อรัง ดังนั้นนอกจากดูแลบุตรหลานแล้ว

 

ขอเน้นย้ำประชาชนรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด หากไปในสถานที่ปิดหรือแออัด ควรสวมหน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อย ๆ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 ถ้าจำเป็นต้องเข้าไปในพื้นที่ที่มีคนหมู่มาก ควรสวมหน้ากากอนามัยเสมอ และล้างมือบ่อย ๆ หากป่วยให้รีบไปพบแพทย์

 

ไข้เลือดออก


เป็นโรคที่มีการระบาดทุกปีในช่วงฤดูฝน ตั้งแต่ต้นปีพบผู้ป่วย 27,334 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็ก 5-14 ปี จำนวน 8,033 ราย ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กนักเรียน และจากผลการสำรวจแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย พบสูงสุดในกลุ่มโรงเรียนและโรงธรรม

 

จึงขอให้ทุกสถานศึกษาเร่งสำรวจและทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำทุกสัปดาห์ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่ระบาด สำหรับผู้เสียชีวิต 31 ราย พบเป็น เด็ก 11 ราย ผู้ใหญ่ 20 ราย แนะนำ หากมีอาการไข้สูง ยาลดไข้ที่ปลอดภัยคือพาราเซตามอลในขนาดที่เหมาะสม และหากไข้ไม่ลดใน 1-2 วัน ควรรีบไปพบแพทย์

 

 สำหรับโรคอื่น ๆ ที่มักพบมีการระบาดได้ช่วงเปิดเทอม ได้แก่

 

โรคมือ เท้า ปาก 

 

ติดต่อจากการได้รับเชื้อไวรัสเข้าทางปาก โดยเชื้อติดมากับมือหรือของเล่นที่เปื้อนน้ำมูก น้ำลาย ของผู้ป่วย หรือติดต่อจากการไอ จาม รดกัน ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กเล็ก จะมีอาการไข้ต่ำ ๆ อ่อนเพลีย ตุ่มแผลในปาก ทานไม่ได้ ร่วมกับอาจมีตุ่มพองเล็ก ๆ บริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า หากอาการรุนแรงมีไข้ขึ้นสูง ซึมลง ชักเกร็ง หายใจหอบเหนื่อย อาเจียนมาก ต้องรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว ขอเน้นย้ำผู้ปกครองและครูช่วยกันดูแลสังเกตอาการเบื้องต้นของเด็ก หากมีอาการให้รีบพบแพทย์ หยุดเรียนจนกว่าจะหายตามดุลยพินิจของแพทย์ 

 

ท้องร่วงเฉียบพลัน

 

จากการติดเชื้อ ส่วนใหญ่มักเกิดจากเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย เกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัยโดยเฉพาะในเด็กวัยเรียน พบการระบาดได้ตลอดทั้งปี พื้นที่ที่มีคนอาศัยอยู่รวมกัน เช่น โรงเรียน สถานที่ท่องเที่ยว จะเกิดการระบาดได้ง่าย ผู้ป่วยจะมีอาการถ่ายเหลว ถ่ายเป็นน้ำ อาเจียน ปวดท้อง บางรายอาจมีไข้ น้ำมูกไหล หรือไอร่วมด้วย การป้องกัน ยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” รับประทานอาหารปรุง สุก ใหม่ อาหารที่เก็บไว้นานเกิน 2 ชม.

 

ต้องนำมาอุ่นร้อนให้ทั่วถึงก่อนกิน ขวดนม จุกนม ต้องล้างทำความสะอาดหลังการใช้ทันทีและฆ่าเชื้อโดยการต้มจนเดือดอย่างน้อย 10-15 นาที สอนให้เด็กล้างมือด้วยสบู่และน้ำให้สะอาดทุกครั้งหลังเข้าห้องน้ำ และโดยเฉพาะทุกครั้งก่อนหยิบจับอาหาร นักเรียนป่วยควรหยุดเรียน ผู้ใหญ่ควรหยุดงานและงดการปรุงประกอบอาหารจนกว่าจะหาย 

 

 

โรคติดต่อในกลุ่มที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน เช่น หัด ไอกรน เป็นต้น

 

ที่แพร่ระบาดทางระบบทางเดินหายใจ ขอให้ผู้ปกครองเช็กประวัติวัคซีน หากเด็กได้รับวัคซีนไม่ครบตามกำหนดวัย ควรเข้ารับวัคซีนที่สถานพยาบาลใกล้บ้านให้ครบ ซึ่งในช่วงเปิดเทอมนี้ แนะนำให้ทั้งนักเรียนและบุคลากรในโรงเรียนทุกคน รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล สวมใส่หน้ากากอนามัยในสถานที่ปิด (เช่นห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศ) และล้างมือบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจ หรือที่มีไข้ออกผื่น หากป่วย ควรหยุดพักและรีบไปพบแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง

 

ที่มา : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข