ลูกจะสำเร็จ Growth Mindset ต้องเป็นหนึ่ง
"Mindset" หรือกรอบความคิด หรือทัศนคติ คือ สิ่งที่เราเชื่อจนนำไปสู่พฤติกรรม
ด้วยเหตุนี้เด็กคนหนึ่งจะเติบโตมาพร้อมกับโลกปัจจุบันนี้ เขาควรมีกระบวนการคิดที่เติบโตได้และมีความคิดยืดหยุ่นเพียงพอที่จะปรับตัวกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
นักจิตวิทยา Carol Dweck ได้ทำการศึกษาเรื่อง “กระบวนการคิดของมนุษย์” ซึ่งจากการศึกษาและวิจัยทำให้เขาได้จำแนกกระบวนการคิดออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ กระบวนการคิดแบบยึดติด Fixed Mindset และกระบวนการคิดแบบเติบโตได้ Growth Mindset ซึ่งกระบวนการคิดแบบนี้ส่งผลคนเราคิด ตัดสินใจ และกระทำแตกต่างกัน
1. ใช้คำถามปลายเปิดมากกว่าคำถามปลายปิดและใช้คำถามมากว่าคำสั่ง
คำถามปลายเปิดจะทำให้เด็ก ๆ ได้มีโอกาสคิดและแสดงความเป็นตัวเองได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการ เลือกและตัดสินใจตัวเขาเอง เด็กจะมีแนวโน้มรับผิดชอบต่อสิ่งที่เลือกมากกว่าการถูกสั่งให้ทำ
2. ให้ความสำคัญกับกระบวนการเรียนรู้และความพยายามมากกว่าผลลัพธ์ที่ออกมา
และยอมรับว่า ทุกการเรียนรู้และลงมือทำย่อมเกิดความผิดพลาดได้เสมอ ทุกการลงมือ ไม่ว่าผลงานที่ออกมาจะดีหรือไม่ก็ตาม เด็ก ๆ เกิดการเรียนรู้เสมอ และทุกความพยายาม มีค่ามากกว่าผลลัพธ์ที่ออกมานัก เพราะผลลัพธ์เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงและพัฒนาได้
"การเรียนรู้และลงมือทำ" กับ "การทำผิดพลาด" เป็นของคู่กัน ไม่มีใครที่ลงมือทำโดยปราศจาการทำผิดพลาดเลย ขอแค่เพียงเรานำข้อผิดพลาดนั้นมาเป็นบทเรียน เพื่อครั้งหน้าเราจะได้ไม่ทำผิดพลาดเช่นเดิมอีก
3. เวลาที่เด็ก ๆ ทำผิดให้ตำหนิที่ ‘พฤติกรรมที่เขาทำ’ ไม่ใช่ ‘ตัวตนที่เขาเป็น’
บางวันเด็กอาจจะทำพฤติกรรมที่แย่มาก ๆ เราควรตำหนิเขาที่พฤติกรรม ไม่ใช่การว่าแบบเหมารวมตัว ตนของเขา เพราะพฤติกรรม คือ สิ่งที่เด็กสามารถควบคุมและเปลี่ยนแปลงได้ ในขณะที่ตัวตนของเขา เป็นสิ่งที่ค่อนข้างคงทนและเปลี่ยนแปลงได้ยาก
ดังนั้นการตำหนิที่พฤติกรรมจะนำไปสู่การ เปลี่ยนแปลงได้มากกว่าการตำหนิที่ตัวตนของเขา เมื่อเด็ก ๆ ทำผิด ผู้ใหญ่ควรสอนให้พวกเขารับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองเสมอ เพื่อให้เด็ก ๆ เรียนรู้ว่า นี่คือการตัดสินใจของพวกเขาเอง และตัวเขาเองสามารถรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้
หากเด็กยังไม่มีประสบการณ์ และไม่รู้ว่าต้องรับผิดชอบอย่างไร ผู้ใหญ่สามารถลงไปสอนเขาได้ แต่ไม่ใช่ แก้ปัญหาหรือทำให้ทันที ที่สำคัญผู้ใหญ่ควรสอนให้เด็ก ๆ รู้ว่า ‘ไม่มีใครที่ไม่เคยทำผิดพลาด ไม่เป็นไรที่จะทำผิดพลาด แต่ต้อง เรียนรู้ที่จะรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเสมอ’
4. ให้การชื่นชมมากกว่าการตำหนิ
เมื่อเด็ก ๆ ทำได้ดี ให้ผู้ใหญ่ชื่นชมพวกเขาที่การกระทำ เพื่อให้เด็ก ๆ มองเห็นสิ่งดี ๆ ที่พวกเขาสามารถ ทำได้ “ชมที่พฤติกรรม เช่นเดียวกันตำหนิก็ตำหนิที่พฤติกรรม ไม่ใช่ตัวที่เด็กเป็น"
5. ไม่เปรียบเทียบตนเองกับใคร (ยกเว้นตนเองในอดีต)
ผู้ใหญ่ไม่ควรเปรียบเทียบเด็กกับใคร และควรสอนให้เด็ก ๆ ไม่เปรียบเทียบตัวเขากับคนอื่นเช่นกัน ถ้าหากเด็ก ๆ ต้องการรู้ว่า ตนเองอยู่จุดไหนแล้ว การเปรียบเทียบที่ดีที่สุด คือ เปรียบเทียบตัวเองในวันนี้กับตัวเองในวันวาน เพราะจะนำไปสู่การพัฒนาได้ สิ่งสำคัญที่ผู้ใหญ่ควรตระหนักเสมอ เด็กทุกคนมีความแตกต่างกัน
ซึ่งทำให้พวกเขามีวิธีการเรียนรู้ที่อาจจะแตกต่างกันไปด้วย” ผู้ใหญ่มีหน้าที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับเด็ก ๆ ว่า “พวกเขามีศักยภาพและพวกเขาสามารถเรียนรู้ได้” ไม่ใช่การสร้างทัศนคติทางลบต่อการเรียนรู้ และที่เลวร้ายที่สุด คือ ทัศนคติทางลบต่อตัวเอง เช่น “ฉัน มันไม่ได้เรื่อง” “ฉันทำมันไม่ได้หรอก” และ “ทำอย่างไรก็ไม่ดีพอ”
หัวใจสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืน คือ “การเรียนรู้อยู่เสมอ” “ลงมือทำ” “ไม่กลัวที่จะทำผิดพลาด” และสุดท้าย “เรียนรู้จากความผิดพลาดเพื่อพัฒนาและเติบโตต่อไป”
อ้างอิง Claro, S, Paunesku, D, & Dweck, C S (2016) Growth mindset tempers the effects of poverty on academic achievement Proceedings of the National Academy of Sciences, 113(31), 8664-8668