ผลเสียของหน้าจอต่อเด็ก
ทีวี สมาร์ทโฟน แทปเล็ต เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในชีวิตของคนในปัจจุบันอย่างมาก
▶︎ สำหรับเด็กอายุ 2-6 ปี ควรใช้หน้าจอให้น้อยที่สุด ไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อวันและควรดูรายการที่มีคุณภาพดี (ผู้ปกครองเป็นผู้คัดเลือกและติดตาม)
▶︎ สำหรับเด็กอายุมากกว่า 6 ปี ไม่ควรใช้หน้าจอเกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน
คำแนะนำนี้มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่สนับสนุน เนื่องจากการใช้หน้าจอในเด็กเล็กส่งผลเสียมากกว่าผลดีต่อร่างกายและพัฒนาการของเด็กทั้งในระยะสั้นและยาว
"หน้าจอ" ทำให้เด็กนั่งนิ่ง ๆ อยู่กับที่นานขึ้น เกิด ‘พฤติกรรมเนือยนิ่ง’ (Sedentary Lifestyle) แทนที่จะได้เคลื่อนไหวร่างกายและเล่นเพื่อเรียนรู้ตามวัย ทำให้เด็กขาดโอกาสที่จะพัฒนาสมองและร่างกายอย่างเต็มที่ ส่งผลเสียต่อความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการตามวัยของเด็ก และยังสัมพันธ์กับการเกิดโรคอ้วนและโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในอนาคตอีกด้วย ซึ่งมิใช่เพียงเด็กเท่านั้น ผู้ใหญ่ที่ใช้หน้าจอมากเกินพอดีก็มีพฤติกรรมเนือยนิ่งเช่นกัน
"หน้าจอ" ส่งผลเสียต่อสมาธิ ความจดจ่อใส่ใจ และการควบคุมตัวเอง เนื่องจากหน้าจอมีภาพและเสียงที่ดึงดูดใจตลอดเวลาและไม่อยู่นิ่ง ทำให้สมองได้รับการกระตุ้นที่มากเกินพอดี ส่งผลให้เด็กอดทนรอคอยไม่ได้ ต้องการการกระตุ้นจากภายนอกอยู่ตลอดเวลา เหล่านี้ส่งผลไปถึงการควบคุมตัวเองและการพัฒนาของสมองส่วนหน้าของเด็กอีกด้วย
การศึกษายังพบอีกว่า ‘หน้าจอ’ ส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตในระยะสั้นและยาวอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์ หรือ โซเชียลมีเดีย ก่อนวัยอันควร เนื่องจากสื่อสังคมออนไลน์ในเด็กที่ยังไม่พร้อมทำให้เกิดความเสี่ยงของเด็กที่จะได้เจอการกลั่นแกล้งทางออนไลน์ (Cyberbullying) ข้อความที่แสดงความเกลียดชัง (Hate Speech) และการแบ่งแยกเหยียดกัน (Discrimination) รวมถึงข้อความหรือสื่อที่มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมกับวัย ภาษา เพศ ความรุนแรง ยาเสพติด และอื่น ๆ อีกมากมาย
งานวิจัยพบว่า การหยุดใช้หน้าจอในเด็กช่วงวัยประถมศึกษาในต่างประเทศ ลดโอกาสการเกิดภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวล เพิ่มคุณภาพและระยะเวลาในการนอนหลับ เพิ่มระยะเวลาที่เด็กจะได้ใช้นอกบ้าน การเล่นกีฬาและการเคลื่อนไหวร่างกายได้ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีของเด็กอีกด้วย
ดังนั้นวิธีการที่ง่ายที่สุดที่จะทำให้เด็กมีสุขภาพจิตที่ดีและมีความสุข ก็คือ การยื่นหน้าจอให้ลูกให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะสุดท้ายแล้วหน้าจอและเทคโนโลยีนั้นอยู่รอบตัว ในวันหนึ่งลูกก็ต้องได้ใช้มันอยู่แล้ว แต่คงจะดีกว่า หากวันนั้นเป็นวันที่ลูกพร้อมที่จะใช้มันอย่างดีและได้รับผลข้างเคียงจากมันน้อยที่สุด
..."โตอีกหน่อยก็ได้นะ แล้วค่อยใช้หน้าจอ"...