324
ปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงพฤติกรรมรุนแรงในเด็ก!

ปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงพฤติกรรมรุนแรงในเด็ก!

โพสต์เมื่อวันที่ : February 16, 2024

 

คงจะได้เห็นข่าวกันบ่อย ๆ เกี่ยวกับความคิดและพฤติกรรมที่รุนแรงของเด็กจนส่งผลกระทบต่อผู้อื่น หลายกรณีรุนแรงจนถึงขั้นอีกฝ่ายเสียชีวิต ซึ่งสาเหตุของพฤติกรรมรุนแรงในเด็กและวัยรุ่น มีความซับซ้อนและเกี่ยวโยงกันหลาย ๆ อย่างไม่อาจตอบได้ทีเดียวว่าปัจจัยใดมากกว่าปัจจัยใด

 

 

ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงให้เกิดความรุนแรง

 

  • เคยมีพฤติกรรมก้าวร้าว รุนแรงมาก่อน
  • เคยถูกทำร้ายร่างกายหรือถูกล่วงละเมิดทางเพศ
  • เคยเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ความรุนแรงในครอบครัวหรือสังคมใกล้ตัว
  • เป็นเหยื่อการถูกล้อเลียน
  • พันธุกรรม ถ้ามีคนในครอบครัวควบคุมอารมณ์ได้ยาก
  • เคยมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง
  • สื่อที่มีความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นสื่อในทีวี ภาพยนตร์ หรือเกม
  • การใช้สารเสพติดบางอย่าง ยาบางชนิด แอลกอฮอล์
  • มีปืนไว้ในบ้านหรือใกล้ตัว
  • ความเครียดในครอบครัว เช่น เศรษฐสถานะ ครอบครัวยากลำบาก ผู้ปกครองแยกทางกัน หรือเป็นผู้ปกครองเลี้ยงเดี่ยว ตกงาน และไม่มีญาติพี่น้องที่สามารถให้การช่วยเหลือได้
  • สมองกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุ

 

ในกรณีนี้คนรอบข้างหรือในคนครอบครัว ควรสังเกตบุตรหลานอย่างใกล้ชิดว่ามีความเสี่ยงที่จะมีพฤติกรรมรุนแรงหรือไม่ โดยประเมินได้จากการที่เด็กแสดงอารมณ์โกรธอย่างรุนแรงมากกว่าปกติ

  • มีการระเบิดอารมณ์ที่บ่อยขึ้น
  • หงุดหงิดงุ่นง่าน พลุ่งพล่าน อยู่ไม่สุข
  • หุนหันพลันแล่น ควบคุมความโกรธ/อารมณ์ไม่ได้
  • ถูกกระตุ้นอารมณ์ได้ง่าย
  • พฤติกรรมแปลกไปกว่าเดิม เช่น พูดน้อยลงหรือมากขึ้น นิ่งลง ซึ่งพฤติกรรมที่แสดงออกก็อยู่ที่ความสามารถทางสติปัญญาในการวางแผนด้วย

 

 

หากพบว่าบุตรหลานมีพฤติกรรมรุนแรงควรรับมืออย่างไร ?

 

เมื่อไหร่ที่ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลคนอื่น เช่นครู รู้สึกว่าเด็กมีพฤติกรรมแปลกไป ควรจะพาไปประเมินอย่างละเอียดโดยจิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยา ซึ่งการเข้ารับการรักษาเร็ว สามารถช่วยลดความเสี่ยงการเกิดความรุนแรงได้มาก

 

โดยเป้าหมายของการรักษา คือช่วยให้เด็กเรียนรู้การควบคุมความโกรธ การแสดงออกความไม่พอใจได้อย่างเหมาะสม ให้เด็กมีความรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองและยอมรับผลของการกระทำนั้น

เช่น กำหนดข้อตกลงบทลงโทษของการทำผิด และคุยต่อว่าสิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อไปอย่างไรหากอยู่ในสังคมทั้งที่ใกล้ตัวและสังคมที่ใหญ่ขึ้นไป นอกจากนี้เรื่องปัญหาความขัดแย้งในครอบครัว ปัญหาที่โรงเรียน ปัญหาของสังคมรอบข้างก็ควรได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม

 

 

วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดพฤติกรรมรุนแรง

 

  1. พฤติกรรมความรุนแรงจะลดลง หากสามารถจัดการปัจจัยเสี่ยงได้
  2. สิ่งสำคัญคือการลดความรุนแรงในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เด็กต้องได้เจอ เช่น ความรุนแรงในบ้าน ในสังคม ในสื่อ เพราะความรุนแรงนำมาสู่ความรุนแรง
  3. นอกจากนี้ปัจจัยอื่นที่สามารถช่วยลดพฤติกรรมรุนแรงในเด็กได้ เช่น การป้องกันการทารุณกรรมเด็กโดย ผู้ปกครองควรสอนเด็กว่าอะไรคือเข้าข่ายทำร้ายเด็ก เช่นการมาจับตัวในส่วนที่ไม่ควรจับ หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นให้เด็กมาแจ้งพ่อแม่ หรือให้วิ่งหนีไปอยู่กับกลุ่มคนอื่นที่ปลอดภัยกว่า และให้ความรู้ผู้ปกครองในการทำโทษเด็กอย่างเหมาะสม รูปแบบไหนเป็นเพียงการสั่งสอน และรูปแบบใดรุนแรงเกินไปจนเข้าข่ายทารุณกรรม
  4. ให้ความรู้ทางเพศแก่เด็กวัยรุ่น
  5. หากสังเกตพบแนวโน้มที่เด็กและวัยรุ่นจะก่อความรุนแรง ให้พูดคุยเพื่อเข้าสู่กระบวนการการช่วยเหลือต่อไป
  6. สังเกตและชวนพูดคุยมุมมองของเด็กต่อความรุนแรงในสื่อที่เด็กรับ ไม่ว่าจะเป็น สื่อออนไลน์ โทรทัศน์ เกม หรือภาพยนตร์
  7. ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ดูแลกับเด็ก ถ้าสามารถพูดคุยกันได้และรับรู้แนวโน้มความสนใจของเด็ก มีทัศนคติที่ดีในเรื่องการดูแลเด็ก การพบแพทย์ การทานยา
  8. ในช่วงวัยเด็ก ถ้าผู้ปกครองให้การชื่นชม / ยอมรับ ในสิ่งที่เด็กทำได้ดีและเหมาะสม เช่น โดยแนวโน้มเด็กชอบใช้กำลัง แต่ถ้าเด็กไปใช้กำลังกับสิ่งที่สังคมยอมรับได้ เช่นการเล่นกีฬา ก็จะทำให้แนวโน้มการเกิดความรุนแรงลดลง

 

พฤติกรรมความรุนแรงในเด็กทุก ๆ คนมีส่วนสำคัญในการป้องกันไม่ให้เกิดได้ เพียงแค่ใส่ใจ หมั่นสังเกตและพูดคุยกับเด็กอย่างสม่ำเสมอ แต่หากพบว่ามีความเสี่ยงควรพาไปประเมินกับจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา เพื่อลดความสูญเสียหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : แพทย์หญิงอริยาภรณ์ ตั้งชีวินศิริกูล จิตแพทย์ Bangkok Mental Health Hospital BMHH

 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง