“ลูกโกรธแล้วตีคนอื่น” รับมืออย่างไร ?
เมื่อลูกโกรธแล้วทำร้ายร่างกายคนอื่น หรือตนเอง พ่อแม่ต้องไม่นิ่งเฉย
ไม่มีเด็กคนไหนอยากทำให้พ่อแม่ที่ตัวเองรักผิดหวัง เด็กหลายคนกลัวว่า “ตัวเองไม่ดีพอ” “ตัวเองไม่มีค่า” “ตัวเองไม่คู่ควรกับความรัก” ทุกครั้งที่ผลลัพธ์ออกมาไม่ได้ดังหวัง ไม่ว่าจะเป็นผลคะแนนสอบหรือผลการแข่งขันใดๆ แค่ผลลัพธ์ที่แย่ ก็ถือเป็นการลงโทษเด็กๆ ในตัวอยู่แล้ว ผู้ใหญ่ไม่จำเป็นต้องตอกย้ำเขาเพิ่ม
แม้ผู้ใหญ่จะบอกว่า “เราหวังดี” เราอยากให้เด็กประสบความสำเร็จ ได้เรียนในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่ดี ได้เรียนคณะที่มีอนาคต ได้ทำงานที่มั่นคง ได้มีเงินเดือนที่ดี แต่บางครั้งเรานำความหวังไปใส่ในตัวเด็กจนกลายเป็นความคาดหวัง และเลยเถิดเป็นแรงกดดันอย่างมหาศาลจากแค่ “ต้องทำให้ได้สิ” เป็น “ต้องห้ามพลาดเด็ดขาด” ทั้งหมดทั้งมวลนี้ไม่ได้ทำให้เด็กทำได้ดีขึ้นแต่กลับส่งผลตรงกันข้าม เด็กกดดันตัวเองให้ทำตามสิ่งที่เราหวัง
...“แรงกดดันนั้นไม่ได้ทำลายเด็กจากภายนอกแต่กลับทำลายเด็กจากภายในเมื่อใจแตกสลาย ร่างกายก็เป็นเหมือนเปลือกที่ว่างเปล่า”...
เด็กบางคนทนแรงกัดดันและเอาชีวิตรอดมาได้ แต่เด็กบางคนทนไม่ได้ และเลือกที่จะทำลายตัวเองหรือผู้อื่น เด็กหลายคนจากไป เพราะเขาคิดว่าตัวเองไม่คู่ควรที่จะอยู่ต่อ
“ความหวังดีไม่ควรทำร้ายคนที่เรารัก” ความหวังดีคือการยอมรับและการเข้าใจ ไม่คาดหวังในสิ่งที่เกินจริงหรือสิ่งที่ไม่ตรงกับตัวเด็ก ความหวังดีคือการสนับสนุนและเคียงข้าง ไม่ใช่ผลักไสและทอดทิ้งให้เด็กเดินเพียงลำพัง ความหวังดีคือการรับฟังและแนะนำ ไม่ใช่การสั่งและตำหนิให้แก้ไขเพียงอย่างเดียว ความหวังดีคือการมองเห็นคุณค่าและข้อดีของอีกฝ่าย ไม่ใช่การจ้องจับผิดและบั่นทอนคุณค่าในตัวอีกฝ่าย
อย่าทำลายเด็กด้วยการพยายามให้เขาเป็นในสิ่งที่เขาเป็นไม่ได้ อย่าคาดหวังให้ปลาต้องปีนต้นไม้ เด็กบางคนไม่ได้เกิดมาเพื่อเก่งวิชาการ การไม่เก่งวิชาการไม่ได้แปลว่าชีวิตเด็กคนนั้นล้มเหลว เด็กบางคนเกิดมาเพื่อใช้ร่างกายทำสิ่งต่างๆ เล่นกีฬา เล่นดนตรี ทำงานศิลป์ งานไม้ งานครัว เด็กบางคนเกิดมาเพื่อรับฟังและเข้าใจผู้อื่น
สิ่งที่ผู้ใหญ่ควรมอบให้เด็ก ๆ คือ “ตัวตนที่แข็งแรง”
...สอนให้เขาช่วยเหลือตัวเองตามวัย
...สอนให้เขาดูแลและรับผิดชอบงานตามวัย
...สอนให้เขาทำทุกๆ อย่างอย่างเต็มที่
...สอนให้เขาชื่นชมตัวเองและผู้อื่นเป็น
...สอนให้เขายอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
...สอนให้เขาลุกขึ้นใหม่อีกครั้ง เพื่อพัฒนาและเติบโตต่อไป
ที่สำคัญที่สุดคือ ผู้ใหญ่ควรรักเด็กในวันนี้ให้มากพอ เพื่อที่เขาจะรักตัวเองและผู้อื่นเป็น
ลูกไม่จำเป็นต้องเก่งทุกอย่าง หรือต้องเก่งที่สุด ขอเพียงมีสักอย่างที่เขารักที่จะทำและเขารู้สึกว่าตัวเองทำได้ดี ที่สำคัญตัวเขารักตัวเอง และมองเห็นคุณค่าของตัวเองและผู้อื่นก็เพียงพอแล้ว