35
เลี้ยงลูกให้โอบรับความแตกต่าง

เลี้ยงลูกให้โอบรับความแตกต่าง

โพสต์เมื่อวันที่ : March 22, 2025

 

เพราะทุกคนนั้นแตกต่างกัน การที่สังคมจะดำรงอยู่ได้อย่างดีและมีความสุข ผู้คนในสังคมจึงควรยอมรับ เข้าใจ และตระหนักถึงความแตกต่างนี้ให้ได้

 

ความหลากหลายและความแตกต่างของผู้คนทำให้สังคมอยู่ได้ พัฒนาได้ เพราะแต่ละคนมีบทบาทหน้าที่ที่ต่างกัน มีความสามารถที่ต่างกัน และมีบุคลิกลักษณะที่ต่างกัน คนแต่ละคนเป็นฟันเฟืองที่จะขับเคลื่อนสังคมไปข้างหน้าได้ สำหรับหน่วยที่เล็กที่สุดอย่างครอบครัว สามี-ภรรยา พ่อ-แม่ ก็มีบทบาทหน้าที่และบุคลิกอุปนิสัยที่แตกต่างกัน แต่ละคนต่างประคับประคองและดูแลครอบครัวให้อยู่ได้ และไปต่อได้ สำหรับหน่วยของสังคมที่ใหญ่ขึ้นอย่างสถาบัน องค์กร และประเทศ แต่ละคนในสังคมนั้น ๆ ก็มีบทบาทหน้าที่และบุคลิกอุปนิสัยที่แตกต่างกันมาอยู่รวมกัน และทำให้สถาบัน องค์กร และประเทศอยู่ได้และไปต่อได้เช่นกัน

 

ความเข้าใจและยอมรับความแตกต่างจึงสำคัญ

เพราะหากเราไม่สามารถเข้าใจและยอมรับผู้อื่นที่มีความคิด ทัศนคติ รวมถึงบุคลิกอุปนิสัยที่แตกต่างกันได้ มันจะนำมาซึ่งความขัดแย้ง อคติ และปัญหาต่อกัน ทำให้สังคมเกิดปัญหา อยู่ยาก และพัฒนาได้ยาก

 

"การยอมรับผู้อื่น" คือ ความสามารถที่จะ ‘เห็น’ ผู้อื่นว่าเขามีสิทธิ์โดยชอบธรรมในการเป็นตัวของตัวเอง ยอมรับ ‘เขา’ ใน ‘ตัวตน’ ของคนคนนั้นจริง ๆ มิได้หมายความว่าเราต้องเห็นด้วยหรือต้องยอมผู้อื่น เรายังสามารถแสดงความคิดเห็น เป็นตัวของตัวเอง ปกป้องและยืนหยัดกับความคิดเห็นของเราได้ เพียงแต่เข้าใจและยอมรับในวิธีคิด ความเห็น และทุกอย่างที่เป็นตัวตนของผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม เขาก็แค่เป็นเขา เราก็เป็นตัวของเราเอง หากมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน เกิดความขัดแย้ง เราเพียงบริหารจัดการ สื่อสาร และทำความเข้าใจกัน หากปรับ แก้ ตกลงกันได้อย่างเหมาะสมก็เป็นเรื่องที่ดี แต่หากไม่ได้ก็อาจต้องปรึกษาผู้อื่นเพื่อช่วยบริหารจัดการความขัดแย้งตามกระบวนการ หรือหลายครั้งก็แค่ ‘อุเบกขา’ เข้าใจและปล่อยวางก็จบ เพราะเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงใครให้คิดหรือเป็นอย่างที่เราต้องการได้

 

..."ทำความเข้าใจ เคารพ และยอมรับผู้อื่น ในแบบที่เราอยากให้เขาเข้าใจ เคารพ และยอมรับตัวตนของเราก็เท่านั้นเอง"...

 

 

ทำอย่างไรเราจึงเข้าใจและยอมรับผู้อื่นได้

เริ่มต้นง่าย ๆ กับคนที่มีความหมายกับเรา โดยเฉพาะลูกและคนในครอบครัว ด้วยทักษะ “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” หรือ Empathy แล้วขยายออกมาใช้กับผู้คนรอบตัวที่มีความสำคัญรองลงมาอย่างเพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน เจ้านาย ลูกน้อง จนไปถึงผู้คนอื่น ๆ ในสังคม

 

Empathy หรือการเอาใจเขามาใส่ใจเรา คือ การยอมรับ ‘ความรู้สึก’ และ ‘ความนึกคิด’ ของผู้อื่นในมุมมองของเขาได้ มันไม่ง่ายหรอกที่จะยอมรับความเห็นของผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามที่เขาเห็นไม่เหมือนกับเรา สิ่งที่เราควรทำเพื่อฝึกฝนการยอมรับผู้อื่นมีดังต่อไปนี้

 

  1. ยอมรับว่าเราต่างกัน และเราไม่สามารถควบคุมความรู้สึกของคนอื่นได้
  2. การเป็นผู้ฟังที่ดี ฟังเพื่อเข้าใจโดยไม่ตัดสิน เปิดโอกาสให้เราเข้าใจมุมมองของเขาได้ดีขึ้น เพราะเรื่องราวเดียวกัน คนแต่ละคนอาจตีความต่างกันก็ได้ อย่าใช้ไม้บรรทัดของเราไปทาบวัดผู้อื่น เพราะเราต่างมีไม้บรรทัดที่ต่างกัน
  3. การยอมรับตัวเองเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน แม้เราเข้าใจผู้อื่นในมุมของเขาแล้วก็ตาม ความรู้สึกและความคิดเห็นของตัวเราเองยังสำคัญเสมอ จงซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง กล้าที่จะเห็นต่างด้วยวิธีการสื่อสารที่ดี อธิบายให้ผู้อื่นเข้าใจมุมมองของเราให้ได้ด้วย หลายครั้งนี่คือสิ่งที่ดี คนเราจึงต้องการคำปรึกษาจากผู้อื่น เพราะมุมมองของผู้อื่นมีค่าควรรับฟังเสมอ มุมมองของเราก็สามารถเกิดประโยชน์กับผู้อื่นได้เช่นกัน
  4. (พยายาม) อย่าเปรียบเทียบ ลูกเราต่างจากลูกป้าข้างบ้าน กล้วยต่างจากส้ม ปลาต่างจากนก เราทุกคนต่างกัน จงอย่าเปรียบเทียบใคร เป็นตัวของตัวเองดีที่สุด ไม่ว่าเราหรือใคร ดังนั้นจงเข้าใจและยอมรับผู้คนในแบบที่เป็นเขาโดยไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับใคร

 

 

จงโอบรับความแตกต่างอย่างเข้าใจ แล้วเราจะมีความสุขได้ในทุกวัน เพราะความหลากหลายคือความสวยงามของธรรมชาติ ด้วยความต่างที่ลงตัว โลกเราจึงพัฒนามาถึงทุกวันนี้ได้

 

ติดตามข่าวสารและกิจกรรม Thai PBS Kids ได้ทาง Website | Facebook | Youtube | LINE Official

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง