เด็กดีได้เท่าใจผู้ใหญ่ที่เปิดกว้าง
"เด็กดี" ที่ผู้ใหญ่คิดไว้นั้น ต้องเป็นอย่างไร ?
โดยส่วนตัวมนุษย์พ่อมองว่า “เด็กดื้อ” ไม่ใช่ปัญหา เพราะเป็นพัฒนาการตามช่วงวัย แต่ก็ใช่ว่าจะให้ปล่อยตามใจได้ เพราะเรื่อง “วินัย” ต้องปลูกฝังกันตั้งแต่ยังเล็ก ๆ
ในทางหนึ่ง กฎกติกาที่ตั้งไว้ต้องศักดิ์สิทธิ์ เด็ดขาด พูดคำไหนต้องคำนั้น แต่ในอีกด้านหนึ่ง การเลี้ยงลูกก็ไม่ใช่การฝึกทหาร ในสายตาของลูก คุณพ่อคุณแม่ควรจะเป็นคนที่เต็มไปด้วยความรักความเข้าใจ พร้อมที่จะฟังและเป็นที่ปรึกษาให้กับลูกได้เสมอ ซึ่งฟังเผิน ๆ อาจจะเหมือนย้อนแย้งขัดกันอยู่ในที แต่หัวใจสำคัญอยู่ที่การรักษาความสมดุลระหว่าง "Love & Law" นั่นเอง
ความสมดุลของ "Love & Laws"
ความสัมพันธ์ระหว่าง “ความรัก กับ การรักษากฎกติกา” ซึ่งกฎก็ต้องคำนึงถึงความสมเหตุสมผลและความเหมาะสมกับวัย รวมไปถึงการยืดหยุ่นได้ในบางครั้งบางคราวตามสถานการณ์และโอกาสเช่นกัน เพราะบางครั้งการถอยหลังสักก้าวแต่ทำให้สามารถเดินไปข้างหน้าต่อได้อย่างราบรื่นก็ถือว่าคุ้มค่า ทั้งนี้ควรอยู่ภายใต้การใช้ “สติ” มีเหตุผลและไม่ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ แต่ยืนหยัดปฏิเสธต่อสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ถ้าหากลูกโตพอ การให้ลูกได้มีส่วนร่วมในการกำหนดกฎกติกาภายในบ้านด้วยก็เป็นสิ่งที่ดีครับ
กฎกติกาที่เหมาะสมสำหรับลูกควรจะเป็นอย่างไร ?
สิ่งสำคัญอีกข้อที่คุณพ่อคุณแม่มักจะทำพลาด ก็คือ การสับสนระหว่าง “ความรัก” กับ “ความสงสาร” เพราะเรา “รัก” จึงทำความเข้าใจ โฟกัสไปที่ลูก ฝึกลูกให้มีวินัย อดทนแก้ปัญหาเองได้ รับความรู้สึกผิดหวังได้ รู้จักจัดการตัวเองกับอารมณ์เชิงลบได้ แต่ “ความสงสาร” คือการโฟกัสอยู่กับอารมณ์ของเราเองมากกว่าปัญหาของลูก ซึ่งทำให้เกิดการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด หย่อนระเบียบวินัย หรือตามใจจนอาจกลายเป็นการส่งเสริมให้ลูกเสียนิสัยได้ครับ
หากบ้านไหนสร้างสมดุลเรื่องความรักกับวินัยได้ ลูกจะเป็นเด็กคิดเป็น มีเหตุมีผล หากเข้มงวดมาก ๆ เน้นแต่การใช้กฎ ลูกอาจเก็บกด ขี้กลัว หากเน้นที่ความรัก ยอมให้มาก ๆ จนอ่อนวินัย ลูกจะเอาแต่ใจตัวเอง ยิ่งถ้าบ้านไหนอ่อนทั้งสองด้าน ความรักก็ไม่มี กฎก็ไม่บังคับใช้ ลูกจะเป็นเด็กก้าวร้าว แต่สิ่งสำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใดคือ คุณพ่อคุณแม่ต้องจัดการอารมณ์ของตัวเองให้นิ่งเสียก่อน ที่จะเข้ามาบังคับใช้กฎ หรือทำโทษลูกตามกติกาที่ตั้งไว้ด้วยนะครับ